ศาลธัญบุรี เลื่อนไต่สวนการเสียชีวิต ‘บุ้ง เนติพร‘ เป็น 3 มี.ค.นี้ เหตุพยานติดภารกิจ

ศาลธัญบุรี เลื่อนไต่สวนการเสียชีวิต ‘บุ้ง เนติพร‘ เป็น 3 มีนาคมนี้ ด้าน ทนายความ ชี้ เหตุขอเลื่อน เพราะ พยานในคดีติดภารกิจ – ยังไม่ได้ภาพวงจรปิดจาก รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ หวั่น เสียโอกาสซักถามข้อเท็จจริง หวัง คดีนี้ จะเป็นกรณีที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมไทย
วันนี้ (13 ธ.ค. 68) เวลา 13:00 น. ศาลจังหวัดธัญบุรี นัดไต่สวนการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม ที่เสียชีวิตระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567
ต่อมา เวลา 14:45 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ศาลจังหวัดธัญบุรีมีการไต่สวนคำร้องการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ที่เสียชีวิตตั้งแต้วันที่ 14 พ.ค. 67 โดยขั้นตอนที่ช้าเพราะอยู่ในระหว่างการขยายเวลาการสอบสวน เนื่องจาก น.ส.เนติพร เสียชีวิตขณะอยู่ในการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงต้องมีการไต่สวนตามมาตรา 151 เพื่อพิสูจน์ว่า ผู้เสียชีวิตคือใคร และเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร และใครทำให้เสียชีวิต
เมื่อไต่สวนเสร็จก็จะต้องมัการส่งสำนวนมาให้พนักงานอัยการ เพื่อจะทำสำนวนว่า น.ส.เนติพร เสียชีวิตเพราะอะไร หากมีใครต้องรับผิดชอบ ทางอัยการก็จะต้องทำสำนวน หรือญาติผู้เสียชีวิตก็สามารถใช้สิทธิทางศาลได้
อย่างไรก็ตาม ในการไต่สวนครั้งนี้ พนักงานอัยการได้เตรียมพยานไว้ 6 คน ที่มีทั้งตำรวจ, หมอในโรงพยาบาลราชทัณฑ์, ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์, ผู้ผ่าศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ และแพทย์หัวหน้าฝ่ายนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เนื่องจากมีพยานที่ติดภารกิจมาไม่ได้หลายคน ประกอบกับพยานเอกสารที่อัยการอ้าง เป็นรายงานการรักษาว่า ทั้งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ น.ส.เนติพร มีอาการอย่างไร และเสียชีวิตที่ใด รวมถึงเรื่องสัญญาณชีพ ซึ่งฝ่ายตนไม่ทราบมาก่อน และมีสำนวนเป็นจำนวนมากที่อัยการขอยื่นวันนี้
ฉะนั้น อาจทำให้โอกาสที่เราจะได้ซักถามพยาน 2-3 ปากในวันนี้เป็นไปได้ยาก เพราะเราไม่มีสำเนา และไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง ประกอบกับในสำนวนไม่ได้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่เราขอจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่เกิดเหตุ และภาพจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ในระหว่างที่ น.ส.เนติพร ถูกนำร่างไปถึง ว่ามีการตรวจสอบกันอย่างไร เราจึงร้องขอต่อศาลว่า ถ้าไต่สวนการเสียชีวิตในวันนี้ อาจจะไม่ได้รับข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน และฝั่งเราก็ไม่มีโอกาสที่จะศึกษารายละเอียดว่าวันดังกล่าวเกิดอะไรขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่น้องเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมปีที่แล้ว กว่าคดีจะมาถึงวันนี้ได้มีการขยายเวลาการสอบสวนอยู่หลายครั้งและเกินกว่า 90 วันแล้ว ซึ่งน่าจะมีปัญหาว่าจะต้องมีพยานหลักฐานใดๆ ที่น่าสงสัย ถ้าพูดกันตรงๆ ตอนนี้ญาติฝั่งผู้ตาย ยังไม่รู้สาเหตุจริงๆ ว่าน้องเสียชีวิตเพราะอะไร แม้จะมีใบชันสูตรจากตำรวจว่า ค่าเกลือแร่ในร่างกายไม่ได้สมดุล และหัวใจโต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร” นายกฤษฎางค์ กล่าว
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า กรณีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องการจะเอาเรื่องเอาราวใคร แต่เราต้องการรู้สาเหตุจริงๆ ว่า เสียชีวิตเพราะอะไร พร้อมย้ำว่า แม้จะไม่ได้เกิดจากความจงใจ แต่ก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ เราจะเป็นผลต่อไปสำหรับผู้ต้องขังในคดีอาญาที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และศาลไม่ให้ประกันจนต้องเสียชีวิตอย่างถูกทรมานที่ควรจะจะมีการแก้ไข เพราะเป็นเรื่องที่มีข้อสงสัยเยอะ จึงเป็นกรณีที่เราทำเพื่อให้สังคมเปลี่ยนแปลง และเพื่อให้กระบวนการยุติธรรม ศาล ตำรวจ อัยการ กรมราชทัณฑ์ ได้ยืนอยู่ในสังคมนี้ได้ หากปล่อยไว้ก็จะเกิดแบบกรณีตากใบซ้ำสอง ที่ปล่อยจนคดีขาดอายุความ เป็นเรื่องที่สำคัญของครอบครัว น.ส.เนติพร
“ที่ผ่านมาครอบครัวรอคอยมาด้วยความทรหดอดทนด้วยความเสียใจ ด้วยความคิดถึงลูก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐ จนเป็นเหตุให้พี่น้องเพื่อนฝูงเขาต้องไปยื่นหนังสือในจุดต่างๆ วันนี้” นายกฤษฎางค์ กล่าว
นายกฤษฎางค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เราขอศาลเลื่อนการไต่สวนออกไป ซึ่งศาลก็เห็นด้วย และอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนออกไปอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 09:00 น. ซึ่งเชื่อว่าในวันนั้นเราคงได้ข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มขึ้น และเรากำลังขอถ่ายเอกสารอยู่ว่าสำนวนการรักษาพยาบาลทั้งหมดมีอะไรบ้าง และอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. 67 ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และคนที่เสียชีวิตก็จะต้องได้รับความเป็นธรรม