CRIME

‘ปวีณา’ พาผู้เสียหายถูกหลอกค้ามนุษย์ไปยื่นเรื่องต่อ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

‘ปวีณา’ พาผู้เสียหายถูกหลอกค้ามนุษย์ไปยื่นเรื่องต่อ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมทำงานร่วมกัน ด้าน จนท. ตั้งห้องวอลรูม เร่งขยายผลจับกุมคนทำผิดทั้งใน และต่างประเทศ

วันนี้ (12 ก.ย. 65) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปค้าประเวณี ที่ประเทศเมียนมา และผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปบังคับทำงานหลอกลวงลงทุนคริปโต ประเทศฟิลิปปินส์ เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ สโมสรตำรวจ

นางปวีณา ระบุว่าวันนี้มีผู้เสียหายจาก 2 กรณีด้วยกัน คือ กรณีแรกเด็กผู้หญิงอายุ 16 ปี ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยเริ่มจากผู้เสียหายอาศัยอยู่กับตายายในต่างจังหวัด พ่อแม่มาทำงานก่อสร้าง จนวันหนึ่งผู้เสียหายได้เล่นอินเตอร์เน็ต เจอผู้หญิงคนหนึ่งมาชวนไปเที่ยวที่จังหวัดตาก จึงตัดสินใจขอแม่และยายเพื่อไปเที่ยว เนื่องจากว่าเห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน กระทั่งไปถึงก็โดนหลอกไปทำงานค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา จึงพยายามโทรมาหาแม่ ติดต่อขอความช่วยเหลือ ทางแม่ได้ประสานกับมูลนิธิให้ช่วยเหลือลูกสาวที่ถูกหลอก โดยทางมูลนิธิประสานไปที่อธิบดีกงศุลกากร ให้ช่วยเหลือ พร้อมทั้งประสานไปยังตำรวจ ทหาร ที่ทำงานร่วมกัน (TBC) ให้ร่วมช่วยเหลือจนนำตัวออกมาได้ และส่งกลับประเทศไทยทางเรือได้อย่างปลอดภัย

นางปวีณา ระบุต่อว่า อีกกรณีคือถูกหลอกไปทำคอลเซ็นเตอร์ให้ลงทุนคริปโตที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิเรา 7 ราย โดนทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง และเข้าข่ายการค้ามนุษย์ทั้งหมด โดยมูลนิธิของเราทำงานมาตลอด ทั้งรับเรื่องร้องทุกข์และประสานงานต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าไม่บูรณาการทำงานร่วมกันไม่มีวันสำเร็จ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ทั้งสองกรณีนี้ เป็นเรื่องการหลอกลวงเด็ก หลอกลวงบังคับทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือหลอกลวงคนไทยในดินแดนไทยไปใช้แรงงานทำคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ยังมีการหลอกอยู่ตลอด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนใกล้บ้านเรา หลังจากที่ได้รับเรื่องจากมูลนิธิประวีณามา เราต้องเร่งดำเนินคดี ตรวจสอบเส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ ความเชื่อมโยงกันของคดี โดยในวันนี้ทางมูลนิธิจะส่งเครื่องโทรศัพท์มาให้สืบสวนสอบสวนต่อ และย้ำว่าจะดำเนินคดีกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย คนไทยที่อยู่ต่างแดน คนจีนต่างแดน คนที่อยู่ในเมียนมา ไล่ดูความเชื่อมโยงทั้งหมด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุต่อว่า เรื่องการค้ามนุษย์ ล่วงละเมิดเด็กและสตรีในปีนี้ จะเน้นปราบปรามหนักหน่วงมากขึ้น ใช้ป้องกันเป็นหลัก และการหลอกลวงอินเตอร์เน็ตมีมากกว่าเดิม จึงตั้งห้องวอลรูมชั้นใต้ดิน ให้พนักงานสอบสวนได้ทำคดีต่อ เร่งรัดดำเนินการออกหมายจับทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากคนไทยก่อน ถ้าไม่มีคนไทยร่วมมือกับคนต่างชาติ เราจะไม่ถูกหลอก

เรื่อง/ภาพ : สริตา เรืองจิต

Related Posts

Send this to a friend