CRIME

รวบ 2 ผู้ต้องหา ปลอมชื่อ ผบ.ตร. ตั้งเพจเฟซบุ๊ก หลอกเหยื่อทำใบขับขี่ออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ 2 ผู้ต้องหา ขบวนการปลอมชื่อ ผบ.ตร. ตั้งเพจเฟซบุ๊ก หลอกเหยื่อทำใบขับขี่ออนไลน์ ชี้ เปิดศูนย์ AOC 10 วัน สามารถปิดบัญชีปลอมไปกว่า 800 บัญชี

วันนี้ (10 พ.ย. 66) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ดำเนินการรกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมทั่วไป

พฤติการณ์ในคดี มีคนร้ายใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ โดยมีการสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอม ชักชวนให้ประชาชนทำใบขับขี่ออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายสนใจและทักสอบถามไป ทางเพจจะให้ผู้เสียหายเลือกประเภทของใบขับขี่รวมถึงค่าดำเนินการของใบขับขี่ออนไลน์ที่จะทำ และบอกถึงเอกสารที่ผู้เสียหายจะต้องใช้ในการทำใบขับขื่ออนไลน์ เช่น ถ่ายหน้าบัตรประซาชน เบอร์โทรศัพท์ รูปหน้าตรง ที่อยู่ปัจจุบัน เป็นต้น

ในขั้นตอนแรกจะให้ผู้เสียหายจ่ายค่ามัดจำครั้งละ
500 บาท เมื่อได้เป็นรูปบัตรแอดมินก็จะส่งรูปบัตรพร้อมแจ้งให้ชำระส่วนที่เหลือ เมื่อผู้เสียหายชำระส่วนที่เหลือแล้ว ต่อมาแอดมินจะมีการแจ้งให้ผู้เสียหายชำระค่ายืนยันตัวตนอีก 3,999 บาท และบอกว่าจะได้รับชำระคืนภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีบุคคลดังกล่าว ในข้อหา “ฉ้อโกง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงทำการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 2 คน คือ นายกฤษณพล ดวงจันทร์ และ นายอนิวรรต มีกลิ่นหอม มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เผยว่า ผู้ต้องหาจะอ้างชื่อของผู้ที่มีชื่อเสียงมาใช้หลอกผู้เสียหาย ทั้งชื่อของ ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. ฯลฯ มาออกหน้า เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนคิดว่าหน่วยงานรัฐ มีการเปิดทำใบขับขี่ออนไลน์จริง ซึ่งเดิมทีการทำธุรกรรมทางการเงิน ในส่วนของราชการไม่เคยให้มีลักษณะเป็นการโอนเงิน หรือส่ง URL (Uniform Resource Locator) หรือ SMS เข้ามา

โดยอาทิตย์หน้าจะมีชุดขยายผล เพื่อติดตามจับกุมเพิ่มเติม และหากประชาชนมีปัญหาสามารถติดต่อร้องทุกข์มายังศูนย์ AOC ทำหน้าที่ระงับ-อายัดบัญชีคนร้าย และติดตามสถานะการแก้ไขปัญหา เร่งการคืนเงินให้ผู้เสียหาย เพิ่มประสิทธิภาพการจับกุม และขยายผลคดี ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยบูรณาการ ซึ่งหลังจากเปิดศูนย์มา 10 วัน ขณะนี้สามารถปิดบัญชีปลอมได้ประมาณ 800 กว่าบัญชี

Related Posts

Send this to a friend