CRIME

รองผบช.สอท. เจ้าหน้าอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่า ‘มาริโอ้’ เจตนาซื้อรถเถื่อนหรือไม่

รองผบช.สอท. เผยผลสอบปากคำ ‘มาริโอ้’ ร่วม 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่าเจตนาซื้อรถเถื่อนหรือไม่ จ่อเรียกสอบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่ม พร้อมเตรียมตรวจยึดรถเอี่ยวโยงแก๊งสวมทะเบียนที่เหลือ

วันนี้ (9 ส.ค. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ต. อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำ นายณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์ หรือ มาริโอ้ เมาเร่อ ดารานักแสดงชื่อดัง กรณีปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองรถยนต์จำนวน 65 คัน ที่ทางตำรวจไซเบอร์ ได้ตรวจยึดได้ในคดีแฮกสวมรอยเข้าระบบของกรมการขนส่งทางบกเพื่อสวมทะเบียนรถยนต์ โดยเปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการเรียกสอบพยานทั้งหมด 3 ปาก ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถกับมาริโอ้ คือ มาริโอ้ , นายก้อง (เป็นรุ่นพี่ที่ขายรถให้กับมาริโอ้) และพี่ชายของนายก้อง

ส่วนความสัมพันธ์นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้มาริโอ้เคยซื้อเฟอร์นิเจอร์จากนายก้องจนมีความสนิทสนม และไว้ใจกัน แต่ไม่เคยซื้อขายรถกันมาก่อน โดยนายก้องได้เสนอขายรถ Benz G300 ให้มาริโอ้ในราคา 1,500,000 บาท เมื่อเดือนธันวาคม 2565 โดยยังไม่ได้เห็นรถตัวจริง และมีการทำสัญญาวางมัดจำไว้ 500,000 บาทก่อน โดยมีกำหนดภายใน 60 วันจะต้องส่งมอบรถ แต่เมื่อถึงกำหนดก็ยังไม่ได้รถทางนายก้องจึงคืนเงินมัดจำให้กับมาริโอ้

จากการสอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่า มาริโอ้น่าจะไม่ได้จงใจซื้อรถสวมทะเบียน แต่พนักงานสอบสวนก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่ามาริโอ้ไม่ได้มีเจตนาจงใจที่จะซื้อรถเถื่อน แต่หากภายหลังพบว่ามีเจตนาก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งจากการที่พบว่าเล่มทะเบียนรถคันดังกล่าวมีชื่อของมาริโอ้เป็นผู้ครอบครองคนสุดท้าย ทางกรมการขนส่งทางบกจึงยังไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงโอนทะเบียน เพราะต้องตรวจสอบย้อนหลังที่มาว่ามีใครเคยเป็นผู้ครอบครองบ้าง

ส่วนพยานที่เป็นเจ้าของรถทั้ง 65 คัน ที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการสวมทะเบียนโดยแก๊ง 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนเรียกมาให้ปากคำไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงอีก 2-3 รายที่อยู่ต่างประเทศ อยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าให้ปากคำ

พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า ในการสอบปากคำ มาริโอ้มีความกังวล เพราะคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม และต้องการค้นหาความจริง ซึ่งข้อมูลจากการสอบปากคำมาริโอ้ และพยานรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาอีกว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ก่อนรวบรวม และนำไปประกอบกับผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจากกรมการขนส่งทางบกที่ขณะนี้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และจะนำไปประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ส่วนรถยนต์ที่มีทะเบียนเกี่ยวข้องกับแก๊งสวมรอยทะเบียนรถทั้งหมด 65 คันนั้น เจ้าหน้าที่สามารถยึดมาได้แล้วทั้งหมด 16 คัน หลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

Related Posts

Send this to a friend