CRIME

พ่อเหยื่อ ผกก.โจ้ เผย พอใจคำตัดสินศาล เตรียมร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่ม

พ่อ ‘มาวิน’ เหยื่อ ผกก.โจ้ เผย พอใจคำตัดสินศาล แต่รับไม่ได้กับสิ่งกลุ่ม ผกก.โจ้ทำ ย้ำ ไม่มีการเคลียร์กับฝ่ายจำเลยนอกรอบ เตรียมร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่ม

วันนี้ (8 มิ.ย. 65) เรืออากาศตรีจักรกฤษ กลั่นดี และนางจันจิรา ธนะพัฒน์ บิดา และมารดาให้สัมภาษณ์สื่อ หลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา กรณี ที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ พร้อมพวกใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวนาย จิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน เพื่อรีดไถข้อมูลยาเสพติด ก่อนที่นายจิระพงศ์ จะหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เรืออากาศตรีจักรกฤษ เปิดเผยว่า ภายหลังจากเข้ารับฟังคำพิพากษา ตนก็เข้าใจ เพราะศาล ก็พิจารณา ตามหลักฐานต่าง ๆ ตนมองว่าการพิจารณาท่านละเอียดมาก ซึ่งตัวจำเลยนั้นก็วางค่าบรรเทาผลร้ายให้กับตน และนางจันจิรา คนละ 300,000 บาท แต่เดี๋ยวตนต้องไปฟ้องอีกศาลนึง เพราะศาลนี้ฟ้องไม่ได้ เขาวางไว้ 600,000 บาท แต่จริง ๆ แล้วตนคิดตามค่าเลี้ยงดู ถ้าหากมาวินยังมีชีวิตอยู่ 10 ปี เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ประมาณ 1,550,000 บาท ตามที่ทนายความได้แนะนำ รวมทั้งยืนยันว่าเตรียมฟ้องแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย อีกทั้งได้มีทนายบางท่าน ได้แนะนำให้เรียกเพิ่ม แต่ตนนั้นต้องขอปรึกษาก่อน พร้อมย้ำว่าไม่มีการเคลียร์กับฝ่ายจำเลยนอกรอบแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระหว่างนั่งฟังคำพิพากษาได้เห็นหน้าผู้กำกับโจ้กับพวก แสดงท่าทีหรืออาการสำนึกผิดอย่างไรหรือไม่ เรืออากาศตรีจักรกฤษกล่าวว่า ตนคิดว่าเขาก็คงคิดว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในเมื่อมันมีหลักฐานแบบนี้แล้ว ก็แล้วแต่เขา ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่ต่อศาลท่านจะพิจารณา

กรณีที่มีการพิพากษาลงโทษประหาร แต่สุดท้ายลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต เรืออากาศตรีจักรกฤษ ระบุว่า จริง ๆ พ่อกับแม่ไม่อยากจะต่ออะไร ได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว เพียงพอแล้ว แต่ในความรู้สึกของตน มันเหมือนผูกพยาบาทอาฆาตอะไรแบบนี้ รวมถึงขอฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐในการทำงานแบบนี้ว่า ตนเข้าใจในการทำงานและการพลาดพลั้งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อพวกคุณไปรวมกลุ่มกัน มันน่าจะมีการห้ามปรามกัน ไม่ใช่ยืนดู จับมัดแขนขา ใส่กุญแจมือและเท้า สภาพศพที่เห็นคือบอบช้ำทั้งตัว

ในเรื่องที่ ผกก.โจ้ จะขอแถลงก่อนจะมีคำพิพากษา เรืออากาศตรีจักรกฤษ เผยว่า ตั้งแต่เเรกที่เขาถูกจับ เขาก็ขอโทษ มาขอโทษพ่อกับแม่ก่อนเลย โดยบอกว่า “ขอโทษนะครับ” และครั้งแรกที่ตนเจอที่ศาลเก่า เจอเขาในห้องพิพากษา ทั้ง 7 คนจะมากราบขอโทษพ่อกับแม่ แต่พูดตรงๆ ว่าตนรับการกระทำของพวกเขาไม่ได้ จริง ๆ

ซึ่งศาลได้มีการบรรยายพฤติกรรมการคลุมถุงที่ศีรษะอย่างละเอียด โดยเฉพาะส่วนที่สะเทือนใจที่สุด ก็คือการได้รับรู้ว่ามีการเพิ่มจำนวนถุงพลาสติกขึ้นเรื่อยๆ จาก 1 ใบ เป็น 7 ใบ และก็ยังมีการใส่กุญแจมือ และยังใส่กุญแจเท้าอีก แต่เรื่องการคลุมถุงพลาสติกที่ศีรษะนั้น เนื่องจากบุตรชายไม่ยอมพูด เพราะมันปิดหมดเลย มันรัด พูดไม่ได้ อากาศหายใจไม่มี ก็เพิ่มจำนวนถุงพลาสติกเรื่อยๆ จนบุตรชายขาดอากาศหายใจแล้วฟุบไป จากนั้นก็เอาน้ำมาราดตามที่ดูในคลิป พยายามปั๊มหัวใจ แต่ตอนนั้นมาวินตายแล้ว ซึ่งตอนที่ตนนั่งฟังคำบรรยายนี้ ทางแม่ (นางจันจิรา ธนะพัฒน์) ก็ยืนร้องไห้ ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็โอเค ก็ขอให้ทั้ง 7 คน ได้รับบทเรียนในสิ่งที่เขาทำลงไป ได้ชดใช้

ทั้งนี้ ตนจำได้ว่าศาลเคยถามตนครั้งแรกว่า “รู้ได้อย่างไรว่าเป็นลูก” ตนเคยตอบไปว่า พ่อแม่ลูกน่ะรู้เลยว่าลูกมีเสียงอย่างไร แค่ร้อง โอ๊ย ! ก็ลูกผมแหละ ได้ยินเสียงจากในคลิปก็ลูกเราจริง ๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงพ่อ และแม่นั้น เคยเจอคนตั้งกล้องวิดีโอดังกล่าวแล้วหรือไม่ เรืออากาศตรีจักรกฤษเผยว่า คนที่ตั้งกล้องบันทึกเคยเจอตนแล้ว ตอนไปสืบพยานที่ จ.นครสวรรค์ โดยเขากล่าวกับตนว่า “พ่อครับ ตอนนี้ผมทำใจเเล้ว ว่าผมทำผิดอะไรไป ผมขอโทษพ่อด้วยนะครับที่ช่วยเหลือน้องไม่ได้” ส่วนอีกคนหนึ่งก็บอกว่าจะบวชให้ เพราะพวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้ขึ้น ซึ่งพวกเขาเองก็รับไม่ได้ ก็เลยต้องการปล่อยคลิปนี้ออกมา

เรืออากาศตรีจักรกฤษ เปิดเผยต่อว่า ครั้งหน้าตนจะเดินทางไปฟ้องเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม ที่ศาลปกครองของ จ.นครสวรรค์ เพราะศาลนี้ เราไม่มีสิทธิฟ้องเจ้าหน้าที่ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนจำเลยที่ 6 ที่ไม่โดนพิพากษาเรื่องความผิดร่วมกันฆ่าฯ นั้น ถ้าจำไม่ผิดคนนี้เขาเดินตามมา ที่เขาตกใจ

ในส่วนของเรื่องค่าสินไหมทดแทน ที่ศาลระบุว่าสามารถฟ้องกับหน่วยงานรัฐได้โดยตรง แต่ไม่สามารถฟ้องเจ้าหน้าที่ได้ เรืออากาศตรีจักรกฤษ ระบุว่า ก็เดี๋ยวต้องปรึกษากับทนายก่อน คงต้องพึ่งกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือเรา เพราะก็มีมูลนิธิในการช่วยเหลือ ก็ต้องไปเขียนคำร้องที่ จ.นครสวรรค์ต่อ

ส่วนเรื่องแนวคิดที่จะฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เรืออากาศตรีจักรกฤษ กล่าวว่า จริง ๆ ทนายก็ได้บอกกับตนว่า ไม่ได้เป็นการจะฟ้องอะไรขนาดนั้น เป็นการขอความเห็นใจ เรื่องของค่าสินไหมทดแทนในลักษณะนี้มากกว่า แต่ว่าติดต่อไปแล้ว แต่กลับติดต่อไม่ได้ ซึ่งตนว่าจะเดินทางไปเอง ทนายก็แจ้งว่าไม่ต้องไป

Related Posts

Send this to a friend