CRIME

‘รมว.ดีอีเอส’ แถลงคืบหน้า ‘สิบโทแฮกเกอร์’ อยู่ระหว่างประสานต้นสังกัดติดตามตัว

‘รมว.ดีอีเอส’ แถลง ความคืบหน้า ‘สิบโทแฮกเกอร์’ อยู่ระหว่างประสานต้นสังกัดติดตามตัว เตือนภัย ปชช. ให้ช่วยดูแลตัวเอง ด้าน ผบช.สอท. ชี้ ยังไม่ทราบจำนวนข้อมูลที่ชัดเจน

วันนี้ (7 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. แถลงข่าวความคืบหน้า กรณี แฮกเกอร์อายุ 33 ปี พบเป็นทหารบกชั้นประทวนยศสิบโทสังกัดกรมขนส่งทางบก เตรียมปล่อยข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านราย อ้างว่าได้มาจากหน่วยงานรัฐ แห่งหนึ่งในไทย

นายชัยวุฒิ ระบุว่า ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนไปเจอว่ามีขายข้อมูลจากรัฐ ที่เป็นข้อมูลทั่วไปคือ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการล็อกเป้าตัวผู้ก่อเหตุไว้แล้ว

“เราทราบเบื้องต้นว่ามีมูลเหตุ คือ เอาข้อมูลไปขายให้มิจฉาชีพ ให้คนที่อยากไปใช้ในทางมิชอบ หรือไปหลอกขายคนร้ายอีกที หรือต้องการดิสเครดิตหน่วยงานของรัฐ จากตามความคึกคะนองหรืออยากมีชื่อเสียงด้วย ซึ่งก็ต้องมีการติดตามกันต่อไป ยืนยันถ้าอยู่ในประเทศไทย สามารถจับได้แน่นอน จึงอยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน และฝากให้พี่น้องประชาชนช่วยดูแลป้องกันตัวเองเป็นอันดับแรก”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า เขาเป็นทหาร ใครจะไปจับทหารก็ต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา หรือเป็นกระบวนการระหว่างตำรวจ-ทหาร ที่ต้องพูดคุยกัน มันไม่ใช่ประชาชนธรรมดา ถ้าเป็นประชาชนธรรมดา เราก็จับกุมได้เลย

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าข้อมูลหลุดมาจาก แอพพลิเคชั่นหมอพร้อม หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ ก็มีในหลายหน่วยงาน จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมด้วย

ด้านพล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 66 จึงได้ตรวจสอบ และออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ในวันที่ 2 เม.ย. 66 ในฐานความผิดเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอนพิวเตอร์ เป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตระหนกตามมาตรา 14(2) ซึ่งก็ได้ตามจับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ขณะนี้ปิดโทรศัพท์หนีไป

“ผู้ต้องหาที่เราออกหมายจับเป็นจ่าสิบโท สังกัดในหน่วยงานไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเลย คาดว่าแรงจูงใจมาจากตนเอง เรามีข้อมูลหลุด 55 ล้านรายชื่อ เจตนาในการเปิดเผยข้อมูลไม่ชัดเจน และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องรอสอบปากคำก่อน และตอนนี้ยังจับกุมตัวไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการทำหนังสือไปถึงต้นสังกัดเพื่อสอบถามว่ายังรับราชการอยู่หรือไม่ และถ้ายังรับราชหารอยู่ให้ทางต้นสังกัดส่งตัวมาดำเนินคดี”

สำหรับข้อมูลที่คนร้ายนำไปเปิดเผย ยอมรับว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลจริง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะรั่วถึง 55 ล้านรายชื่อหรือไม่

หลังจากนี้หากประชาชนถูกนำข้อมูลไปใช้ก็สามารถแจ้งความได้ หรือฟ้องร้องต่อศาลได้ แต่เมื่อถามว่าไปแจ้งเอาผิดกับหน่วยงานใด หรือบุคคลใด เลขาฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ระบุว่า สามารถดำเนินการได้แต่ต้องรอให้จับกุมตัวคนร้ายให้ได้เสียก่อน

Related Posts

Send this to a friend