อัยการสูงสุด แจงยิบ ขั้นตอนอายัดตัว ‘ทักษิณ‘ คดี ม.112
เผย เจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับอัยการ ชี้ ขณะนี้สำนวนอยู่ในการพิจารณา เพื่อเสนอใหม่ต่ออัยการสูงสุด ปัดตอบ คณะพนักงานสอบสวน ขึ้นแจ้งข้อกล่าวหาที่ชั้น 14
วันนี้ (6 ก.พ. 67) เวลา 11:00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายสทเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการประจำจังหวัด สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผน และช่วยเหลือทางกฎหมาย ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าว ความคืบหน้าคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2559 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร จากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กล่าวหา นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยเกี่ยวพันกันอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยคณะทำงานพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ซึ่ง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น ได้มีความเห็นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ตรวจพิจารณาสำนวนแล้ว ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนี อัยการสูงสุดจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ และพนักงานสอบสวนได้มีคำขอต่อศาลอาญา และออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และถูกควบคุมเพื่อรับโทษในคดีอาญาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดผู้ต้องหาไว้กับกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ต่อมาวันที่ 17 มกราคม 2567 นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์ และข้อเท็จจริงทางคดีให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ปรากฏว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ซึ่งอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ประกอบสำนวนเพื่อส่งให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด ตรวจพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณามีความเห็น และคำสั่งทางคดีต่อไป
โดยงานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัวนายทักษิณ ไว้กับทางกรมราชทัณฑ์ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงให้ทราบต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 17 มกราคม 2567 ที่อัยการได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับ นายทักษิณ เป็นการแจ้งที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจใช่หรือไม่ นายประยุทธ ชี้แจงว่ายังไม่ทราบรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันว่ามีการไปแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
ส่วนแนวทางการอายัดตัวของอดีตนายกฯ หลังถูกจับตาว่าจะมีการได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ ผ่านการใช้สิทธิผู้ต้องขังสูงอายุ และมีโรคประจำตัวรุมเร้า จะมีผลในต่อการอายัดตัวในคดีนี้อย่างไรบ้าง นายประยุทธ ชี้แจงว่า ก่อนที่นายทักษิณจะได้รับการพักโทษ กรมราชทัณฑ์ จะต้องแจ้งตำรวจ และตำรวจจะใช้ดุลพินิจว่า จะอายัดตัวนายทักษิณ ไปฝากขังในตามเงื่อนไข หรือพิจารณาปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไข แต่ในระหว่างที่มีการปล่อยตัวตามเงื่อนไข นายทักษิณก็ต้องไปรายงานตัว ในคดีที่ได้รับการพักโทษ หากว่าไม่ไปรายงานตัว พนักงานสอบสวนก็สามารถออกหมายจับได้อีก
ส่วนกรอบเวลา ณ ขณะนี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่ขอให้มั่นใจว่า สำนักงานอัยการสูงสุด จะพิจารณาทุกอย่างตามพยานหลักฐานที่มี อยากขอให้เชื่อมั่น ในกระบวนการทำงานของอัยการ
สำหรับกรณี ที่อดีตนายกฯ ยื่นขอความเป็นธรรมหลังจากที่มีการเข้าแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมานั้น จะมีผลต่อการพิจารณาคดีหรือไม่ นายประยุทธ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกันกับการพิจารณาคดี และสามารถทำควบคู่กันได้ ซึ่งแนวทางการพิจารณาของอัยการสูงสุด มีอยู่ 3 แนวทางคือ 1.สั่งฟ้อง 2.สั่งไม่ฟ้อง 3.มีเรื่องที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมจึงยังไม่สั่งฟ้อง
ส่วนข้อกังวลว่าคดีนี้จะคล้ายกับกรณีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง ที่ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเป็นจำนวนหลายครั้ง จนทำให้คดีดังกล่าว เกิดความล่าช้า จึงถูกมองว่าเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ นายประยุทธ์ กล่าวว่า จากคดีดังกล่าวสำนักงานอัยการ ได้มีการพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่แล้ว ซึ่งการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในปัจจุบัน ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนยื่นด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถส่งตัวแทนหรือยื่นผ่านทนายความได้ และถ้าหากยื่นด้วยประเด็นเดิมซ้ำๆ อัยการก็จะใช้ดุลพินิจของอัยการว่าจะรับคำร้องขอความเป็นธรรมนี้หรือไม่ ซึ่งจะรับหรือไม่รับก็ได้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของทางอัยการ