พล.ต.อ.วินัย เผยความเห็น คกก. ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ กระทำความผิดจริง

ส่วน ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์’ ยังต้องรอ ‘ทนายตั้ม’ ชี้แจงเพิ่มเติม 10 เม.ย.นี้ ยันหากพบว่าผิด ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (5 เม.ย. 67) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. ในฐานะคณะกรรมการ และเลขานุการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แถลงข่าวกรณีความขัดแย้งในเรื่องคดีระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าในฝั่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นคณะกรรมการมีความเห็นตรงกันกับศาล แต่ทางฝั่งของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังต้องพิจารณาเพิ่มเติม หลังมีผู้ออกมากล่าวโทษว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และอ้างมีความผิดเพิ่มเติม
พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่าจากคณะกรรมการได้ปรึกษาหารือกัน และนำผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามเพื่อให้ข้อมูลจำนวนเกือบ 30 คน โดยในส่วนชุดข้อมูลหลักฐานพยานของฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินมาสุดทางที่ศาลออกหมายจับ ซึ่งคณะกรรมการได้ตรวจดูพยานหลักฐานต่าง ๆ เชื่อไปในทางเดียวกันกับศาลที่ออกหมายจับว่าด้วย “พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตามพรบป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,10 และศาลอาญาพิพากษา ให้ออกหมายจับ โดยมีผลในทันที“ แต่ด้านพล.ต.อ.วินัย ไม่ขอกล่าวรายละเอียดเพิ่มเติมในหลักฐาน เพราะขณะนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็เป็นสิทธิในการต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
กรณีสืบสวนข้อเท็จจริงในฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เนื่องจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้นำหลักฐานมาแถลงข่าวพร้อมกับยื่นกล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมกับภรรยาที่ สน.เตาปูน ทางคณะกรรมการจึงทำการนัดหมายให้ทนายตั้มมาชี้แจงในวันที่ 10 เมษายนนี้ ซึ่งจะต้องสอบสวนถึงที่มาชุดข้อมูลที่ทำการแถลงด้วยว่า ได้มาอย่างไร และมีความเกี่ยวข้องอย่างไร
พล.ต.อ.วินัย กล่าวเพิ่มว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังทำงานไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด เพราะว่ายังไม่ได้สรุปภาพรวมของการสืบสวนในครั้งนี้ แต่เบื้องต้นจากการพิจารณาจากหลักฐานพยานที่คณะกรรมการเห็นตรงกันกับศาลว่าฝั่งของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด และก่อนที่จะสรุปการสืบสวนจะเปิดให้โอกาสให้ทั้งฝั่งของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้ามาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง แม้การตรวจสอบเส้นทางการเงินค่อนข้างจะใช้เวลาพอสมควร แต่ยืนยันว่าจะทำงานให้เร็วที่สุด โดยตั้งใจอยากให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 60 วัน ส่วนหากเสร็จไม่ทันก็ต้องขยายเวลาต่อไป และเชื่อว่าจะตรวจสอบให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเกษียณอายุราชการแน่นอน
พร้อมย้ำว่าในการสืบสวนข้อเท็จจริงไม่ได้รับแรงกดดันจากใคร มีเพียงคำสั่งจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่บอกว่าให้ตรงไปตรงมาเพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องจะมีการดำเนินการทางวินัยอย่างไร ทางคณะกรรมการไม่มีสิทธิในการตัดสิน แต่เชื่อว่าความเที่ยงธรรมความตรงไปตรงมาจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับมาได้รับความเชื่อมั่น และไปในทิศทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีความเห็นของคณะกรรมการในกรณีของพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กับกรณีดังกล่าว ยังมีสิทธิที่จะสามารถเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการตำรวจได้หรือไม่ พล.ต.อ.วินัยเลี่ยงตอบว่า “ขออนุญาต อย่าให้ผมออกความเห็นเลย”