CRIME

สอบสวนกลาง แถลงรวบดาวกองร้อยปอยเปต ปลอมเป็นตำรวจ หลอกผู้เสียหายโอนเงิน พบ หลอก ‘ชาล็อต-แอนชิลี’

สอบสวนกลาง แถลง รวบดาวกองร้อยปอยเปต ปลอมเป็นตำรวจ หลอกผู้เสียหายโอนเงิน พบ หลอก ‘ชาล็อต-แอนชิลี’ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ อ้าง ถูกบังคับให้ทำ หากขัดขืน-หลบหนี จะถูกทำร้าย รับได้ส่วนแบ่ง 40,000 บาท ก่อนถูกปล่อยกลับไทย เหตุเป็นโรคหัวใจ – ใช้ทำงานต่อไม่ได้

วันนี้ (3 ก.พ. 68) เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) แถลงข่าวจับกุมผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปลอมตัวเป็นตำรวจหลอกเหยื่อวิดีโอคอล เสียหายกว่าหลายล้านบาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายรามิล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4557/2567 ลงวันที่ 19 กันยายน 2567 (สน.พญาไท) ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 68 ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว และ นายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.153/2568 ลงวันที่ 1 ก.พ. 68 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ และสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 68 ที่บ้านพักใน จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ปอท. รับการร้องทุกข์ว่ามีคนร้ายแต่งกายเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาข่มขู่ โดยแจ้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และคดียาเสพติด พร้อมส่งเอกสารปลอมจนมีผู้หลงเชื่อก่อนจะหลอกให้โอนเงินเข้ามาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อมากถึง 163 เคส

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า เคสนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล โดยพบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้นของประเทศพื้นบ้าน พักอยู่ที่ชั้น 13 มี 50 คน ผู้ต้องหาอ้างว่าถูกชักจูงผ่านโซเชียล โดยคิดว่าจะได้ไปทำงานเป็นแอดมิน ชักชวนให้เล่นพนันเพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และโทรศัพท์ แลพให้มาทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณอาคารมีคนคุมเฝ้าที่หน้าตึก และชั้น 3 โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมาอาคารแห่งนี้มีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย

สำหรับขบวนการนี้ใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้าทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเงินที่หลอกมาได้มีการแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่าง ๆ ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการ โดยหลังจากนี้ตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามตัวผู้บงการที่รับผลประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ นายรามิลให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เป็นสาย 1 ติดต่อเหยื่อจากระบบซิมบ็อกที่มีการเซ็ตระบบไว้ โดยจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะพูดตามสคริปที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อจะส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ

ด้านนายธนาวุฒิให้การรับสารภาพว่าทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง มีผู้เสียหายหลายราย รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ปลอบเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะโอนไปยังสายที่ 3 ซึ่งทำหน้าที่ปิดดีลหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ระหว่างการหลอกลวงจะมีคนไทย และคนจีน เป็นคนควบคุม หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากหลอกเหยื่อหลงเชื่อได้จะได้รับส่วนแบ่ง

นายธนาวุฒิ ยอมรับว่าเริ่มทำงานสาย 1 เมื่อปี 2566 ต่อมาในปี 2567 ขยับเลื่อนมารับสาย 2 ที่ผ่านมาเคยหลอกบุคคลที่มีชื่อเสียง คือ น.ส.ชาล็อต และ น.ส.แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งตนเองเคยพยายามหลบหนีออกจากขบวนการ แต่ถูกจับได้ และโดนใช้ไม้เบสบอลตี 5 ครั้ง ที่หลุดออกมาจากวงจรโคจรได้ เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยขบวนการปล่อยให้เดินทางกลับพร้อมให้เงินมา 40,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประโยชน์กับขบวนการแล้ว

นายธนาวุฒิ เปิดเผยว่า ทุกคนโดนจับอบรม 7 วัน โดยจะต้องไปฟังสคริปต์ว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร มีการฝึกการพูด การโทรและการหลอกคน โดยคนจีนเป็นคนเขียนสคริปต์ให้ และมีล่ามเป็นผู้แปล ส่วนบอสชาวจีนเคยพบแต่ไม่บ่อย ที่ผ่านมามีตำรวจกัมพูชามาตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมาถึงพวกตนเองจะหลบซ่อน และล็อคห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ ในหนึ่งปีจะมาตรวจ 4-5 ครั้ง ซึ่งชั้น 13 ที่พักจะเป็นห้องยาว และมีห้องแบ่งเหมือนโรงแรมทั่วไป มีผู้ร่วมขบวนการอยู่ 30-40 คน มีทั้งคนจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และมาเลเซีย อยู่ในอาคาร มีคนคุมระบบหลังบ้านเป็นชาวจีน

ส่วนที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากตำรวจกัมพูชาที่มาตรวจ เพราะเกรงว่าจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการ เคยพยายามหลบหนีแล้วหนึ่งครั้ง เคยขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตไทย แต่ถูกจับได้และถูกทุบตี พร้อมขอโทษผู้เสียหายทุกราย หากไม่ทำก็ถูกทำร้าย ที่ทำเพราะมีปัญหาหนี้สิน และถูกบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์

Related Posts

Send this to a friend