CRIME

จับสองสามีภรรยา เครือข่ายค้ามนุษย์ปี 58 ฝังชาวโรฮิงญา 30 ศพ

จับสองสามีภรรยา เครือข่ายค้ามนุษย์ปี 58 ฝังชาวโรฮิงญา 30 ศพ เปลี่ยนชื่อ-สกุล สัญชาติ กบดานเงียบ

วันนี้ (2 ก.ย. 65) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วยผู้แทนจากมูลนิธิ และ มูลนิธิ O.U.R. แถลงผลการจับกุมนายหม่อง ถ่าน ทุน และนางราฮานา เจ๊ะสะมะแอ สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา หลังเปลี่ยนสัญชาติหลบหนีไปกบดานประเทศเพื่อนบ้าน โดยสามารถจับกุมทั้งคู่ได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนพระรามเก้า แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา

คดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 ตำรวจและทหารพบศพผู้เสียชีวิตและศพที่ถูกฝังไว้รวมกันกว่า 30 ศพ บริเวณแคมป์คนงานกลางป่าบนเขาแก้ว ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จากการสืบสวนทราบว่า ทั้งหมดเป็นศพของชาวโรฮิงญาที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบซ่อนบริเวณค่ายกักกันดังกล่าว เพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่สาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงออกคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามและจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทหาร ตำรวจ และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก

สำหรับนายหม่อง ถ่าน ทุน สัญชาติเมียนมา หรือ นายซุลกิฟลี บิน อับดุลลาห์ (Mr.Zulkifli Bin Abdullah) สัญชาติมาเลเซีย ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 308/2558 ลง 22 มิ.ย.58 ความผิดฐาน สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ และหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 477/2558 ลง 27 ส.ค.58 ความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนนางราฮานา เจ๊ะสะมะแอ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/12 ซ.สุมาลี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือ นางโรฮานา บินติ มาต ซาอิด (Mrs.Rohano Binti Mat said) ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 307/2558 ลง 22 มิ.ย.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ และ หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 476/2558 ลง 27 ส.ค.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

ผู้ต้องหา 2 สามีภรรยา ได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุล และใช้สัญชาติมาเลเซีย พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักภายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร่วมกับบุตรชายและบุตรสาว โดยประกอบอาชีพค้าขาย ทำธุรกิจออนไลน์ และทำธุรกิจทัวร์นำเที่ยวอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยถือว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้กระทำผิดระดับหัวหน้าขบวนการในการควบคุมสั่งการ ในการนำชาวโรฮิงญา จากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ผ่านมายังประเทศไทย และส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยเปิดบริษัทรถทัวร์โดยสารบังหน้า แล้วแอบขนชาวโรฮิงญา จำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องจนมีฐานะร่ำรวย ภายหลังทราบว่าถูกออกหมายจับ จึงเดินทางหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย และมาถูกจับกุมหลังเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 153 ราย จับกุมแล้ว 124 ราย เสียชีวิต 3 ราย หลบหนี 26 ราย แบ่งเป็นหมายจับมีคุณภาพ 17 ราย และไม่มีคุณภาพ 9 ราย ผู้ต้องหาที่เหลืออยู่เป็นระดับลูกน้องจำนวน 15 หมายจับ อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวซึ่งหลบหนีไปมาระหว่างไทยและตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

“คดีค้ามนุษย์คดีนี้ถือเป็นคดีที่มีความสำคัญ มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็นจำนวนมากกว่า 150 ราย เครือข่ายผู้กระทำผิดในคดีนี้มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง บุคคลในแวดวงข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ซึ่งใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์และแรงงานเถื่อน โดยการดำเนินคดีในครั้งนี้ ได้มีการกำชับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนให้กระทำอย่างรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด รวมทั้งให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าวทั้งที่อยู่ในประเทศ และหลบหนีออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร กลุ่มผู้กระทำผิดเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งจะมีการตรวจค้นเพื่อยึดอายัดทรัพย์ เพื่อไม่ให้สามารถกลับมากระทำผิดซ้ำได้อีก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend