CRIME

รมว.ดีอี ปล่อย 6 มาตรการเชิงรุกป้องกัน และปราบปรามการใช้ซิมม้า

รมว.ดีอี ปล่อย 6 มาตรการเชิงรุกป้องกัน และปราบปรามการใช้ซิมม้า เตือน ปชช. หากเกี่ยวข้องให้ไปยกเลิกหมายเลขด่วน ก่อนเจอจับ คุก 5 ปี

วันนี้ (1 ธ.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) กล่าวว่า ซิมม้า หรือซิมที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้หลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ สร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก บางครั้งซิมเบอร์เดียวโทรออก 500 ครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ไม่มีการป้องกันที่ดีพอ หรือแม้กระทั่งพบว่า มีคนที่มีซิมจำนวน 100 กว่าซิม ที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนให้ถูกต้อง จึงเป็นช่องทางของโจรในการใช้ซิมม้า

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประชุม หารือ ร่วมกับ กสทช. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) รวมไปถึงภาคเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อาทิ AIS และ True และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาซิมม้า จนได้ข้อสรุป 6 มาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการใช้ซิมม้า ดังนี้

1.กำหนดให้ผู้ใช้บริการมีการถือครองซิมเกิน 5 ซิม ต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ จะต้องมีการมายืนยันตัวตนภายใน 30 วัน ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการออกประกาศ โดยการออกประกาศอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คณะกรรมการ กสทช. โดยควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ

ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และจำนวนครอบครองตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป 7,664 ราย

2.กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ที่ผิดปกติ โดยเฉพาะซิมบุคคลธรรมดา ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 สายในระยะเวลาสั้นๆ หรือ 100 สายต่อวัน โดยให้ตรวจสอบทั้งการโทรออกจากช่องทางปกติ และการโทรออกจากระบบอินเทอร์เน็ต หากพบ ต้องเร่งดำเนินการสั่งการอายัดเบอร์ ส่งข้อมูลของซิม ชื่อเจ้าของซิม และพฤติกรรมที่ต้องสงสัยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวน และจับกุมขยายผลโดยเร็ว

3.เร่งระงับเบอร์ และขยายผลสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดี จากหมายเลขที่ได้จาก

(1) การแจ้งความออนไลน์ ว่าเป็นเบอร์คนร้ายที่ใช้ในการหลอกลวง

(2) เบอร์ที่รับแจ้งกับ AOC 1441 ว่าเป็นหมายเลขคนร้าย

(3) เบอร์ที่ผู้ให้บริการสื่อสาร ตรวจพบเอง จากระบบ Fraud detection และ สนง กสทช. แจ้งว่าเป็นเบอร์ที่ใช้โดยคนร้าย

(4) เบอร์ที่ต้องสงสัย อาทิเบอร์ที่ใช้กับอุปกรณ์ ซิมบ็อกซ์ หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้กระทำผิด

ทั้งนี้ ต้องมีการดำเนินคดีโดยเคร่งครัดกับ นายหน้าซิมม้า รวมทั้งผู้ยินยอมให้คนร้ายใช้ซิมตนเอง กระทำความผิด ซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี สำหรับนายหน้า ผู้จัดหาซิมม้า และจำคุก 3 ปี สำหรับเจ้าของซิมม้า หรือผู้ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ซิมไปใช้ทำผิดกฎหมาย

4.ให้แจ้งข้อมูลการโทรที่ผิดปกติ ดังกล่าวข้างต้น ต่อ ศูนย์ AOC 1441 และ ระบบ Audit numbering ของ สนง.กสทช เพื่อให้เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูล ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกหน่วย ร่วมเร่งตรวจสอบขยายผล แบบบูรณาการ วิเคราะห์อาชญากรรม สืบสวนสวน สอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิด และเครือข่ายมาลงโทษโดยเร็ว

5.ดำเนินการตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์/เสาสัญญาณ และการตั้งสถานีแพร่กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบให้ดำเนินการระงับสัญญาณทันที

6.ดำเนินการกำกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการให้บริการนอกราชอาณาจักรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากตรวจสอบพบก็จะให้มีการแก้ไขปรับเปลี่ยนทิศทางการแพร่สัญญาณ

นอกจากนี้พบว่า มีการใช้บัตรประจำตัวชาวต่างด้าวมาลงทะเบียนซิมเปิดใช้งาน และขายแก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นช่องทางเป็นช่องทางให้โจรใช้ในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้มีการจับกุม ครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ อาทิ ที่ แม่สอด จังหวัดตาก พร้อมของกลางซิมพร้อมใช้งาน 4,379 หมายเลข และที่ชุมพร พบของกลางกว่า 10,000 หมายเลข

นายประเสริฐ กล่าวว่า ดีอี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ให้บริการมือถือ ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการใช้ซิมม้า ฝากเตือนถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับซิมม้า หรือผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ซิมไปกระทำผิดกฎหมาย ต้องรีบไปยกเลิกหมายเลขทันที

Related Posts

Send this to a friend