CRIME

‘อัจฉริยะ’ ร้องตำรวจเอาผิด ตำรวจ – ทหาร ขโมยข้อมูล ปชช.ขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

‘อัจฉริยะ’ ร้องตำรวจไซเบอร์ เอาผิด 2 ดาบตำรวจ – ทหาร ขโมยข้อมูลประชาชนขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (1 พ.ย. 65) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. ให้ดำเนินคดีกับดาบตำรวจ 2 นาย สังกัดกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 และกองกำกับการสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดราชบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกรมทหารสารวัตร สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง

นายอัจฉริยะระบุว่า ทั้ง 3 มีพฤติกรรมร่วมกันเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของครูเกษียณราชการ ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ.เพื่อนำไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนสูญเงิน 7 บัญชี รวมกว่า 3.7 ล้านบาท

“ได้รับการติดต่อจากผู้เสียหาย ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน ก็สงสัยว่าแก๊งดังกล่าวได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาได้ยังไง จึงไปติดต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ และพบว่า มีตำรวจ 2 นาย เข้าดูข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหาย ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะติดต่อมาไม่ถึง 20 นาที จึงเชื่อว่าตำรวจทั้ง 2 นายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง” นายอัจฉริยะ กล่าว

ด้านผู้เสียหาย ได้ไปร้องต่อต้นสังกัดของตำรวจทั้ง 2 นาย ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยกรณีที่จังหวัดราชบุรี ดาบตำรวจอ้างว่ามีทหารอากาศเป็นผู้สั่งการให้เข้าถึงข้อมูลผู้เสียหาย คณะกรรมการมีมติว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง สั่งลงโทษกักขัง รวมถึงเร่งรัดให้จับกุมทหารอากาศที่เป็นผู้สั่งการมาดำเนินคดี ส่วนกรณีของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เบื้องต้น ดาบตำรวจให้การว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งให้เข้าถึงข้อมูลวันละ 30 ชื่อ แต่ผลการสอบสวนไม่ทราบแน่ชัด เพราะไม่มีการรายงานผลกลับมายังผู้เสียหาย

นายอัจฉริยะมั่นใจว่า ดาบตำรวจทั้ง 2 นาย รวมถึงผู้ที่สั่งการ จะต้องเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นการเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ผ่านระบบของตำรวจ และเหตุยังเกิดช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร์ , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , และ ความผิดตาม พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ รวมถึงขยายผลตรวจสอบข้าราชการระดับสูงที่มีใบสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลักลอบนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์ไปขาย และตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด โดยเบื้องต้นทราบว่าเงินของผู้เสียหายถูกกดออกจากบัญชีธนาคารในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และบางส่วนโอนกลับมาที่ร้านวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย แต่ก็ถูกกดเงินออกไปทั้งหมดแล้ว

Related Posts

Send this to a friend