พ่ออดีต นรต. ที่เสียชีวิตจากการฝึกกระโดดร่ม ร้องอัยการสูงสุด คดีไม่คืบกว่า 1.5 ปี ชี้ มีความพยายามแทรกแซงในชั้นอัยการ
นายสาธร พุทธชัยยงค์ พ่อของ อดีตนักเรียนนายร้อยตำนวจ หรือ นรต. ชยากร พุทธชัยยงค์ หรือ โยโย่ ที่ฝึกกระโดดร่มเเล้วไม่กาง เสียชีวิตที่ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อปี 2557 เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อถือป้ายประท้วงการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการสูงสุด ที่คดีไม่คืบหน้า หลังคดีอยู่ในชั้นอัยการสูงสุดมานานกว่าปีครึ่ง และยังมีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการ จึงยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรม กับนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
นายสาธร กล่าวว่า คดีนี้เดิม ตำรวจสั่งฟ้องผู้ต้องหา 11 ราย แต่พบว่า มีผู้ถูกกล่าวหา 1 คน พยายามแทรกแซง ทำให้ในชั้นอัยการจังหวัดเพชรบุรี และอัยการภาค 7 สั่งไม่สั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาคนนั้น และต่อมาคดีถูกส่งมาที่อัยการสูงสุด แล้วส่งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 1 ปีครึ่งแล้ว แต่อัยการสูงสุดก็ยังไม่มีความเห็น
นายสาธร เปิดเผยว่า ยังมีการโทรศัพท์ไปหาพลตำรวจตรี สมเกียรติ แสงสินศร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ขอให้ช่วยเหลือ แต่ทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไม่ตอบสนองคำขอ ทำให้ รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก จึงมาร้องขอความเป็นธรรม
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า สาเหตุที่คดีนี้ล่าช้า เนื่องจาก ต้องพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมจากทางผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหา และอัยการกับตำรวจมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ในสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ซึ่งสำนวนคดีมีเป็นปริมาณมาก โดยปกติกรอบระยะเวลาของคดีที่มีความซับซ้อนจะใช้ระยะเวลาประมาณ ปีกว่า สำหรับ คดีนี้ เป็นไปได้ว่า อาจจะใกล้มีความเห็นชี้ขาดแล้ว ยืนยันว่า อัยการจะไม่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ
ส่วนกรณีที่นายสาธร กล่าวว่า มีผู้ถูกกล่าวว่า พยายามแทรกแซง รองอัยการสูงสุด ยืนยันว่าการทำงานของอัยการสูงสุดทุกขั้นตอน มีการลงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรสามารถตรวจสอบได้ โดยจะนำหนังสือคำร้องของนายสาธร มอบให้ผู้บัญชาการตรวจสอบรายละเอียดคำร้อง ส่วนจะมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับอัยการที่มีส่วนในกระบวนการแทรกแซงหรือไม่นั้น ให้รอผลพิจารณาของผู้บัญชาการ
