ปส. จับเครือข่ายค้ายาไอซ์ข้ามชาติ ผ่านชายแดนใต้ไปมาเล พบนักการเมืองท้องถิ่นนราธิวาสเกี่ยวข้อง มีสติกเกอร์ ติดหน้ารถ “เสรีรวมไทย”
ตำรวจสืบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าจับนายวราวุฒิ ไกรวงศ์ หรือ หนึ่ง หลังจากสืบทราบว่ากำลังนำไอซ์น้ำหนักประมาณ 458 กก. บรรทุกอยู่บนรถกระบะทะเบียน บท 1883 ราชบุรี ขนส่งไปส่งให้กับเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ ขณะจอดรถอยู่ริมทางเข้าถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปบางแค
ตรวจสอบโดยรอบรถพบสติกเกอร์บริเวณกันชนหน้ารถด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษว่า “sereeruamthai” หรืออ่านภาษาไทยคือเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นชื่อของพรรคการเมืองหนึ่ง
สอบสวนนายวราวุฒิ ให้การอ้างว่า ของกลางทั้งหมดนี้เป็นของน้องชายที่ไปรับรถคันนี้มาจากชายคนหนึ่งใน จ.ปทุมธานี จากนั้นได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านที่ จ.ราชบุรี และให้ตัวเองขับรถคันนี้ไปส่งที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยทราบเพียงว่าเป็นของผิดกฎหมาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นไอซ์จำนวนมากขนาดนี้ นายวราวุฒิ ยอมรับด้วยว่าเคยขับรถคันนี้ส่งยาบ้าไป จ.นราธิวาสมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนครั้งนี้ไม่คิดว่าเป็นไอซ์ โดยคนที่ให้ไปส่งก็ไม่รู้จักเพราะปลายทางให้โทรศัพท์แจ้งเพียงว่าให้ติดต่อเมื่อขับรถมาถึง จ.พัทลุง ก่อนที่จะนัดส่งมอบกันที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
จากนั้นตำรวจได้ทำการขยายผลจับนายเปาะสา ดิง และนายกอเซ็ง นิเกาะ ชาว จ.นราธิวาส ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งริมถนนเพชรเกษม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
สอบสวนเบื้องต้นนายกอเซ็ง นิเกาะ อ้างว่าได้รับว่าจ้างให้นำไอซ์ทั้งหมดนี้ไปส่งที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยที่ยังไม่ได้ซัดทอดถึงผู้ว่าจ้าง ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มาสอบสวนอย่างละเอียดและดำเนินคดีที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และอยู่ระหว่างออกหมายจับเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้อีก 3 คน
พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่แบ่งวางเครือข่ายทำงานขนส่งยาเสพติดเป็นขบวนการและแบ่งช่วงกันเป็นทอดๆ โดยเริ่มจากกลุ่มที่รับงานมาจากนายทุนชาวเมียนมา และจัดหาตัวประกันที่เป็นญาติกับทีมคนขนส่งยาเสพติดช่วงแรกไปเป็นตัวประกันในประเทศเมียนมา จากนั้นก็จะมีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดชุดแรกมาไว้ในพื้นที่ภาคกลาง และชุดนี้ก็จะจัดหากลุ่มที่ขนส่งยาเสพติดส่งไปที่ภาคใต้ ส่วนใหญ่จะนัดมอบที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนจะส่งต่อไปในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
บางส่วนมีการส่งไปขึ้นเรือที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.สตูล ซึ่งจะมีเรือชาวประมงขนส่งไปใส่เรือใหญ่ที่จอดรออยู่กลางทะเล ซึ่งชายฝั่งที่ จ.สตูลนี้ จะนำยาเสพติดไปขึ้นชายฝั่งที่เมืองปูลัวปีนัง แล้วขนส่งขึ้นรถยนต์ไปที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ง่าย
ซึ่งกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ถือว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และเกี่ยวข้องกับความมั่งคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลุดพ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่มาเยอะ การสืบสวนครั้งนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้อาศัยความร่วมมือจากตำรวจทุกกองบังคับการ และหน่วยงานร่วม ทั้งสำนักงาน ป.ป.ส. และทหาร หลายหน่วยงานจนสามารถแกะรอยกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ จนสามารถจับผู้ต้องหาและยึดของกลางได้
