BANGKOK

ชัชชาติ ชวนทำ Challenge บริจาคคอมฯเก่าสู่คนใหม่ 130,000 เครื่อง ปันน้ำใจพัฒนาการศึกษา

วันนี้ (28 มิ.ย. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมการสร้างความเข้าใจ ในโครงการพัฒนาห้องเรียนดิจิทัล เพื่อการเรียนรู้และโครงการปันน้ำใจ ให้น้องได้เรียนรู้ พร้อมเยี่ยมชมการสอนในห้องเรียนนำร่อง Active Learning ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเปิดตัวเว็บไซต์ digitalclassroom.bangkok.go.th “คอมเก่าสู่คนใหม่ เรียนรู้ไกลไม่สิ้นสุด” พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนทุกคน รวมถึงออฟฟิศที่มีคอมพิวเตอร์เก่า ร่วมมอบสู่คนใหม่จำนวน 130,000 เครื่อง เพื่อปันน้ำใจพัฒนาการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำให้เด็กนักเรียน ณ โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน และการที่บริษัทบริจาคเครื่อง จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ในการพัฒนาการศึกษา และอีกทางถือเป็นการ Reuse ขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย

สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมวันนี้ ประกอบด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย ได้แก่ ผู้แทนศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมการศึกษา ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัทดิ เอสเคิร์ฟ จำกัด และมูลนิธิกระจกเงา พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักการศึกษา สำนักงานเขตบางเขน ผู้บริหารสถานศึกษา และตัวแทนครูโรงเรียนนำร่อง 11 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนราชบพิธ เขตพระนคร,โรงเรียนบ้านบางกะปิ,เขตบางกะปิ,โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน,โรงเรียนวัดดุสิตาราม เขตบางกอกน้อย,โรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน,โรงเรียนวัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ ,โรงเรียนวัดพิชัย เขตบึงกุ่ม ,โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง ,โรงเรียนมัธยมนาคนาวาอุปถัมภ์ เขตสวนหลวง ,โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม เขตทวีวัฒนา และโรงเรียนนาหลวง เขตทุ่งครุ

นายชัชชาติ กล่าวว่า “โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เป็นความหวังของเรา ในการเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา สิ่งที่ช่วยให้เราหลุดพ้นความเหลื่อมล้ำ คือเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข หากเด็กได้รับการศึกษาที่ดี ก็จะทำให้วงจรชีวิตจะดีขึ้น มีอาชีพที่ดีในอนาคต ในเรื่องสาธารณสุขก็เช่นกัน หากมีสุขภาพดีความเหลื่อมล้ำจะลดลง ทั้งนี้การศึกษาไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่การเอาเงินลงไปแล้วจะจบ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ครูก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การศึกษาดีขึ้นได้ เราทำอย่างรอบคอบ ทำต้นแบบให้มั่นใจว่าจะมีปัญหาตรงไหนบ้าง ซึ่งพบว่า Tablet ไม่ดี ควรเปลี่ยนเป็นคอมพิวเตอร์ ซึ่งหากต้นแบบทำได้ดี การขยายครบทุกรร.ไม่ยากเลย”

“หากถามว่าทำไม่ซื้อคอมพิวเตอร์ พบว่ามี ปัจจัย 2 มิติ การรับบริจาคคือการหาภาคีแนวร่วม ให้ทุกคนมามีส่วนร่วม กับการพัฒนาการศึกษา แนวคิดของการรับบริจาค คือให้ทุกคนมาร่วมเป็นเครื่อข่าย หลายออฟฟิศ มีคอมพิวเตอร์ที่ล้าสมัย ก็สามารถนำมาให้เด็กได้ เพราะไม่ต้องใช้สเปคที่สูง การที่บริษัทบริจาคเครื่องจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ในการพัฒนาการศึกษา และอีกทางถือเป็นการReuse ขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย”

“สำหรับคอมพิวเตอร์เก่า 130,000 เครื่อง ไม่ได้เยอะอะไร ถือว่าเป็น challenge ดูว่าทุกคนจะร่วมกันได้มากแค่ไหน โดยบริษัทหรือผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลรายละเอียด การบริจาคได้ที่เว็บไซต์ digitalclassroom.bangkok.go.th มูลนิธิกระจกเงา และจะขยายการรับบริจาคไปยังสำนักงานเขตต่อไป”

ด้าน นายศานนท์ กล่าวว่า “นโยบายDigital classroom เดิมเป็นนโนบายเพื่อจัดหา Tablet เพื่อการเรียนรู้ แต่พอมาทำงานเห็นว่าคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ดีกว่า จึงเป็นที่มาการรับบริจาคคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้นักเรียนกทม.ตั้งแต่ระดับชั้นป.4-ม.ต้น มีเด็กนักเรียนประมาณ 130,000 คน ซึ่งช่วงวัยนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กทม.จึงมีนโยบายเริ่มให้เด็กป.4 ได้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อการเรียนรู้เป้าหมายช่วงแรก ได้ร่วมกับเอกชน จัดหาคอมพิวเตอร์จำนวนกว่า 2,200 เครื่อง และจะขยายให้ครบตามเป้าหมายต่อไป ทั้งนี้ต้องขอบคุณเครือข่าย ที่ช่วยเหลือกทม.มาโดยตลอด”

สำหรับแผนการจัดหาคอมพิวเตอร์ ในโครงการพัฒนาห้องเรียนดิจิทัล ของโรงเรียนสังกัดกทม. กำหนดแผนการดำเนินการ ดังนี้ ปี 66 จำนวน 2,177 เครื่อง ปี 67 จำนวน 12,500 เครื่อง ปี 68 จำนวน 43,642 เครื่อง ปี 69 จำนวน 71,580 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 129,899 เครื่อง

ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา ดำเนินโครงการพัฒนาห้องเรียนดิจิทัล โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา และผลิตสื่อการเรียนรู้ในปัจจุบัน ให้มีรูปแบบที่ทันสมัย หลากหลาย สามารถตอบสนอง ต่อการเรียนรู้ของนักเรียน และช่วยอำนวยความสะดวก ในการจัดการเรียนการสอนให้แก่ครูผู้สอนได้ ซึ่งในปีที่ผ่านมานำร่อง ในการเรียนการสอนระดับชั้น ป.4 โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน และกำหนดขยายผลเพิ่มเติม ในปีนี้ให้ครบ 11 โรงเรียน ในพื้นที่ 11 เขต

Related Posts

Send this to a friend