พบเพิ่ม 4 ร่าง บริเวณโซน C เร่งเคลียร์ซากโซน B – C เตรียมปรับแผนงานค้นหา
วันนี้ (21 เม.ย. 68) เวลา 10.30 น นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (ผอ.สปภ.กทม.) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ แถลงความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่ม
นายสุริยชัย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้เสียชีวิตที่สมบูรณ์เพิ่ม 4 ร่าง บริเวณโซน C ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มคนที่ทำงานอยู่ชั้น 19 โดยเบื้องต้นระบุเพศได้เป็นชาย 2 ราย ส่วนอีก 2 รายยังไม่สามารถระบุเพศได้ ในจำนวนนี้มี 2 ร่างที่ข้อมูลตรงกับที่บริษัทเอกชนได้แจ้งรายชื่อผู้สูญหายไว้ นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มอีก 6 ชิ้น ทำให้ยอดรวมชิ้นส่วนที่ส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วมีมากกว่า 207 ชิ้น
ส่วนการเร่งรื้อถอนและขนย้ายซากอาคารมีความคืบหน้า โดยสามารถขนย้ายซากได้ 281 เที่ยวในวันนี้ เพิ่มขึ้นจาก 242 เที่ยวเมื่อวานนี้ และสอดรับกับพื้นที่จัดเก็บของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งมีการเปิดพื้นที่หน้างานให้รถบรรทุกเข้าเทซากได้สะดวกขึ้น สำหรับความสูงของซากอาคาร ล่าสุดบริเวณโซน A-D ลดลงจาก 11.51 เมตร เหลือ 10.52 เมตร และโซน B-C ลดลงจาก 9.81 เมตร เหลือ 9.36 เมตร
นายสุริยชัย กล่าวถึงปฏิบัติการตัดเหล็กเส้นด้วยแก๊ส ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกำลังพลและรถสนับสนุนจากกองทัพบก (ทบ.) 3 ชุด และกองทัพเรือ (ทร.) 1 ชุด ดำเนินการตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้ถึงเวลา 07.00 น ของวันนี้ เพื่อให้เครื่องจักรหนักเข้าทำงานได้เร็วขึ้น แม้จะพบอุปสรรคเรื่องความอ่อนล้าของเครื่องจักรบ้างก็ตาม สำหรับแผนงานวันนี้ จะเน้นเปิดพื้นที่โซน C บริเวณ C4-C1 ซึ่งเป็นจุดที่พบร่างทั้ง 4 ร่างล่าสุด ที่ความลึกระดับ 2-3 เมตร และเปิดพื้นที่โซน B บริเวณ B1-B4 ให้มีความลึก 2 เมตร เพื่อเชื่อมต่อกับโซน C ให้ได้
ส่วนจุดในโซน B ที่ทีมค้นหานานาชาติเคยตรวจพบสัญญาณชีพก่อนหน้านี้ คาดว่าอยู่ระดับความลึกประมาณ 4-5 เมตร หรือเทียบเท่าชั้น 1 ของอาคารเดิม แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ได้เพียง 2 เมตร และยังไม่สามารถเจาะลึกลงไปทันทีได้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างในโซน A และ D ที่กำลังดำเนินการกระเทาะปูนและตัดเหล็กเพื่อลดระดับความสูงอยู่เช่นกัน
ผอ.สปภ.กทม. ตั้งเป้าหมายว่า หากสามารถลดระดับความสูงของซากในภาพรวมได้วันละ 1 เมตร จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ชั้น 1 ได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ก่อนจะมีการปรับแผนการทำงานอีกครั้งเพื่อค้นหาในชั้นใต้ดิน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้วิธีการทำงานจากด้านล่างขึ้นมา และต้องประเมินสภาพความอัดแน่นของซากและเหล็กเส้น โดยได้มีการวางแผนและเตรียมผลัดเปลี่ยนกำลังพลและเครื่องจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง กทม. จะเสริมรถเข้ามาเพิ่มเติมด้วย
นายสุริยชัย ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะพบผู้สูญหายในชั้นใต้ดินว่า ต้องยอมรับความจริงว่ามีโอกาสพบ เนื่องจากเมื่ออาคารถล่ม ผู้ที่ทำงานอยู่บริเวณชั้น 5 หรือ 6 อาจถูกแรงอัดลงมาอยู่ที่ชั้นใต้ดินได้ โดยมีข้อมูลประเมินเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานทำงานอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 15 ประมาณ 48 คน












