BANGKOK

‘ชัชชาติ’ สยบดราม่า ยืนยัน กทม.ให้ความร่วมมือเก็บหลักฐานเพื่อหาผู้รับผิดชอบเต็มที่

‘ชัชชาติ’ สยบดราม่า ยืนยัน กทม.ให้ความร่วมมือเก็บหลักฐานเพื่อหาผู้รับผิดชอบเต็มที่ เผย ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งเจาะบริเวณปล่องลิฟต์ ลดระดับความสูงของซากอาคาร เพื่อหาผู้สูญหายเพิ่ม หลังวานนี้พบร่างผู้สูญหายอีก 6 ร่าง ชี้ จากข้อมูลพบบริเวณระหว่างชั้น 14-18 มีคนทำงาน 30 คน

วันนี้ (19 เม.ย. 68) เวลา 10:25 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายที่ติดค้างอยู่ใต้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกตน และปลัด กทม. ไปสอบถามถึงความต้องการเพิ่มเติมว่าขาดเหลืออะไรหรือไม่ ซึ่งทางเรามีค่อนข้างครบ แต่มีอีกหนึ่งประเด็นที่เราต้องการเพิ่มเติมในเรื่องของพื้นที่เก็บกองวัสดุที่ยังแน่นอยู่

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า กทม. ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นในการเข้าไปเก็บหลักฐาน โดยนายชัชชาติ ยืนยันว่า กทม.อยากช่วยให้มีการเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้หาผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเหตุการ์ณนี้ ซึ่งอาจจะติดปัญหาอยู่ในช่วง 2-3 วันแรก ที่เราต้องค้นหาผู้รอดชีวิตด้วย ซึ่งเป็นปัญหาในเรื่องของการสื่อสาร อีกทั้งเจ้าหน้าที่ กทม.ไม่มีความเชี่ยวชาญในการเก็บพยานหลักฐาน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบุความต้องการ ว่าต้องการหลักฐานชิ้นไหน ซึ่งมี 2 วิธี คือดึงหลักฐานออกมาทันที กับการเก็บหลักฐานไว้ก่อน หลังจากนั้นจะอายัดไว้เป็นของกลาง ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่กับเราตลอด เพราะงานยังคงเดินไปอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

ส่วนความคืบหน้าภารกิจการค้นหาร่างผู้สูญหายในวันนี้ นายชัชชาติ เผยว่า เราเริ่มเจาะบริเวณปล่องลิฟท์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ พบบันไดหนีไฟ ราวจับบันได และพบเลขชั้น 18 ซึ่งจากการสัมภาษณ์คนที่รอดชีวิตออกมาจากชั้น 14 ให้ข้อมูลว่ามีเพื่อนตามหลังมาในช่องทางนี้ จึงนำไปสู่การวิเคราะห์ว่าผู้สูญหายจะอยู่ในบริเวณไหนเยอะ ซึ่งระหว่างชั้น 14 ถึงชั้น 18 จะมีผู้ที่ติดอยู่ประมาณ 30 คน จึงอนุมานได้ว่า ในบริเวณดังกล่าวอาจจะพบผู้สูญหายเพิ่มขึ้น

อีกทั้ง เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) บริเวณปล่องลิฟท์ เราพบเจอร่างผู้ติดอยู่ประมาณ 6 ร่าง ซึ่งเราใช้วิธีการปาดเศษซากให้ความสูงเท่ากับปล่องลิฟต์ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าโซน A และ D ให้เหลือความสูงอยู่ที่ 12 เมตร ส่วนบริเวณด้านหลังโซน B และ C เหลือความสูงอยู่ที่ 10 เมตร จากความสูงในตอนแรกเกือบ 26 เมตร ซึ่งในวันนี้เราจะเจาะลงไปบริเวณปล่องลิฟต์ให้ลึกลงไปอีก คาดว่าน่าจะเจอผู้ที่ติดค้างเพิ่มเติม

สำหรับปล่องลิฟต์ มีลักษณะพังทลายหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ตนไม่เห็น แต่อ้างอิงจากนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการอธิบายไว้ว่า ลักษณะเหมือนนำปล่องลิฟต์ยกขึ้น และกระแทกลง ทำให้คอนกรีตพังลงมา และรวมกันอยู่ที่ข้างล่าง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้ารื้อซากไปได้ด้วยดี แม้อาจจะเจอปัญหาบ้าง เช่น เครื่องจักรเสียเยอะขึ้น เฉลี่ยวันละ 20 เคสต่อวัน ซึ่งมีการเตรียมอะไหล่ และช่าง ซ่อมบำรุงไว้ซ่อมอยู่หน้างานไว้แล้ว

นายชัชชาติ เปิดเผยอีกว่า เวลาเราได้ชิ้นส่วนมนุษย์ออกมา เราจะต้องให้ทางพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบ เพราะเราไม่แน่ใจว่าชิ้นส่วนที่นำออกมานั้นเป็นร่างเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีชิ้นส่วนออกมาทั้งหมด 180 ชิ้น ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดคือ 47 ราย แต่ก็จะต้องรอตัวเลขที่ได้รับการยืนยันจากพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เราได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นบริเวณกองดินที่อยู่ตรงการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์ติดค้างไป แต่ก่อนที่จะส่งวัสดุออกไปจากไซด์งานก็มีการตรวจเช็คไปแล้ว ซึ่งก็อาจจะมีหลุดรอดไปบ้างแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐาน และ สุนัข K9 จะคอยตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยการดมกลิ่น และใช้ตามนุษย์สังเกต ซึ่งในตอนนี้จะต้องเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยการตรวจสอบ DNA เพราะยังไม่ได้ได้รับข้อมูลการตรวจอีกกว่า 10 คน ซึ่งเราประสานกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสามารถหาข้อมูล DNA นี้ได้อย่างไร

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าอยู่ระหว่างการเจาะส่วนที่ยากที่สุด คือ บริเวณโซน A และ D ที่อยู่บริเวณด้านหน้า เป็นส่วนที่พื้นพังถล่มลงมาเป็น “แพนเค้กซีเมนต์” ซึ่งเมื่อก่อนเราใช้วิธีการดึง ซึ่งเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีชิ้นส่วนเหล็กจำนวนมาก โดยปัจจุบันเราใช้วิธีการเจาะจากด้านล่างค่อยสกัดคอนกรีต จึงทำให้ขั้นตอนนั้นเร็วขึ้น และเรามั่นใจว่าบริเวณโซนนี้จะไม่มีผู้ติดค้างอยู่เนื่องจากวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวคนน่าจะไหลไปที่จุดอื่น แต่ถึงอย่างไรก็จะคอยสังเกตอยู่ตลอด

ส่วนจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่าเรายังคงลุยต่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีกำลังใจ และเป้าหมาย ซึ่งเรากำหนดเป้าหมายไว้ว่าในช่วงเดือนเมษายนเราจะต้องลุยให้เต็มที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างาน เพราะไม่ใช่เพียงแค่ต้องรื้อตึกแต่ต้องค้นหาผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในซาก รวมถึงมีการฆ่าเชื้อภายในไซด์งานยังคงมีการทำอยู่ตลอดเวลา อย่างเจ้าหน้าที่หลังปฎิบัติภารกิจเสร็จออกมาก็ต้องมีการพ่นฆ่าเชื้อ และเรามีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งอันตรายปะปนมาสู่คนด้านนอก

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีของผู้ประกอบการที่อยู่รอบข้างที่เกิดเหตุ และได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ นายชัชชาติ ระบุว่าได้ยินเสียงบ่นมา แต่ยังไม่ได้คุยกับผู้ประกอบการ จะพยายามที่จะเคลียร์พื้นที่ และเปิดทางให้ ซึ่งตนจะมอบหมายให้ผอ.เขตเป็นผู้ดำเนินการ

ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุทางปภ. จะเป็นผู้ควบคุมงบประมาณ แต่ก็ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือเต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับความเสียหายของแต่ละคน ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ อาจจะต้องไปคุยกันก่อนว่าจะเข้าเงื่อนไขไหนบ้าง และมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง

Related Posts

Send this to a friend