กทม. เผย WFH ได้ผล! รถน้อยลง 8.5% ช่วยลดฝุ่น PM2.5
กทม. รายงาน 10 มาตรการคุมฝุ่น WFH ได้ผล! รถน้อยลง 8.5% ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ในช่วงอากาศปิด ก่อนซีเกมส์เปิดฉาก
วันนี้ (8 ธ.ค. 68) เวลา 11.00 น. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง โดยมี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขตดุสิต และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์
รศ.ทวิดา รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตาม 10 มาตรการยกระดับพื้นที่ควบคุมมลพิษของกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการด้านยานพาหนะ 3 มาตรการด้านแหล่งกำเนิดอื่น และ 4 มาตรการด้านการป้องกันสุขภาพ พร้อมทั้งรายงานมาตรการเข้มข้นที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 5–7 ธ.ค. 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการระบายอากาศต่ำ รวมถึงวันที่ 9 ธ.ค. 2568 ซึ่งมีงานเปิดการแข่งขันซีเกมส์ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น PM2.5
กรุงเทพมหานครได้ประกาศ ขอความร่วมมือ Work From Home (WFH) ในวันที่ 4 ธ.ค. 2568 โดยให้หน่วยงานที่สามารถปรับรูปแบบการทำงานได้ ใช้ระบบทำงานจากบ้านแบบไม่บังคับ ส่วนหน่วยงานที่ต้องให้บริการประชาชนยังคงปฏิบัติงานตามปกติ ซึ่งผลการดำเนินมาตรการ WFH มีหน่วยงานเข้าร่วม: 370 แห่ง ผู้เข้าร่วม: 211,841 คน ทำให้ปริมาณรถยนต์สัญจรเฉลี่ยบนท้องถนนต่อชั่วโมง ลดลง 8.5%
รศ.ทวิดา ระบุว่า มาตรการดังกล่าวช่วยลดค่าฝุ่นละอองและลดการสะสมของ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างมีนัยสำคัญในช่วงสภาพอากาศปิด
การประชุมยังมีการรายงานความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา จังหวัดนครปฐม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงอุตสาหกรรม กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงสาธารณสุข กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA
ประธานการประชุมเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงการทำงานเชิงรุกและเชิงลึกของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาในระยะยาว ไม่ใช่เพียงการเตือนเฉพาะช่วงฤดูฝุ่น พร้อมกำชับให้กรมควบคุมมลพิษประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรุงเทพมหานคร GISTDA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการส่งต่อข้อมูลเตือนภัยให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ประธานการประชุมยังเน้นย้ำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ปัญหาการเผาอ้อยและชีวมวลให้เข้มงวดมากขึ้น มุ่งสู่เป้าหมายการเผาเป็นศูนย์ (0%) พร้อมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับหน่วยงานท้องถิ่นลดปัญหาไฟป่า และรายงานสถานการณ์ต่อกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์สาเหตุ ความถี่ และตรวจสอบว่ามีการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากไฟป่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5












