กทม.กำชับผู้บริหารจัดทำงบประมาณ 68 โปร่งใส
กทม.กำชับผู้บริหารจัดทำงบประมาณ 68 โปร่งใส ยอมรับคำสั่งศาลกรณีหนี้ BTS ย้ำใช้งบฯ รอบคอบและคุ้มค่าที่สุด ชี้ กรณีวินมอเตอร์ไซค์ชาวเวียดนาม ตรวจสอบแล้วผิดจริง เร่งจัดระเบียบแก้ไขโดยเร็ว
วันนี้ (1 ส.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2567 โดยมี นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักและสำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร
นายชัชชาติ เน้นย้ำเรื่องข้อบัญญัติงบประมาณซึ่งผ่านวาระ 1 วานนี้ (31 ก.ค. 67) ว่าในช่วง 2 สัปดาห์นี้จะต้องให้ข้อมูลอย่างชัดเจนต่อคณะกรรมการ รวมถึงเรื่องงบแปรญัตติด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจจะมีบางจุดกรรมการพิจารณาตัดออกและแปรญัตติโครงการที่จำเป็นเพิ่มเข้าไปแทนเพื่อให้งบประมาณยังคงอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท โดยให้เตรียมข้อมูล เหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ ให้พร้อม นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำเรื่องความโปร่งใส การทำ TOR อย่างรอบคอบ เป็นไปตามระเบียบ รวมถึงเน้นย้ำนโยบายที่จะผลักดันในปีที่ 3 ต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวถึงประเด็นการชำระหนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสว่า ยอมรับคำสั่งศาล โดยจะเร่งการประชุมใหญ่เพื่อหาข้อสรุประหว่าง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) และกรุงเทพมหานคร วิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลโดยละเอียด ซึ่งมีบางจุดที่เป็นประเด็นจากศาลต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบตามที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาและหาแนวทางในการปฏิบัติ
ส่วนความผิดคือการหยุดชำระหนี้ จากส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ในช่วงประมาณปี 2564 มีการนำหนี้มารวมเพื่อนำไปต่อสัญญาตาม ม.44 จึงทำให้เกิดการหยุดชำระเงิน ต่อมา ม.44 ไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี กรุงเทพมหานครจึงรอคำสั่งจากคณะรัฐมนตรี ช่วงแรกบีทีเอสยอมรับการไม่จ่ายเงิน แต่เมื่อปี 2564 บีทีเอสฟ้องร้องกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ตามคำวินิจฉัยจากศาลฯ ระบุว่ากรุงเทพมหานครไม่ต้องรอคำสั่งจากคณะรัฐมนตรี โดยให้จ่ายตามภาระที่มีอยู่รวมถึงระบุดอกเบี้ยมาด้วย ทำให้กรุงเทพมหานครมีภาระและความกดดันเพิ่มขึ้น เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการเดินรถส่วนต่อขยาย 1 จำนวน 2,000 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย 2 จำนวน 6,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท แต่ค่าโดยสารที่เก็บได้เป็นจำนวน 2,000 ล้านบาท ทำให้ต้องใช้เงินงบประมาณมาจ่ายส่วนต่างในการเดินรถ 6,000 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณที่กรุงเทพมหานครได้รับปีละ 90,000 ล้านบาท เมื่อต้องหักไปจ่ายหนี้ 6,000 ล้านบาท รวมทั้งมูลหนี้ที่รวมแล้วเกือบ 40,000 ล้านบาท จะเป็นภาระของชาว กทม. ไปโดยปริยาย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 140 วัน และจะพยายามให้การดำเนินการทั้งหมดเสร็จสิ้นภายใน 180 วัน ตามคำสั่งศาล และจะหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเพื่อหาแนวทางแบ่งเบาภาระ เน้นย้ำว่าต้องพิจารณาคำสั่งศาลให้ถี่ถ้วน เพราะข้อมูลบางตัวอาจไม่เป็นปัจจุบัน
จากกรณีร้องเรียนเรื่องของวินมอเตอร์ไซค์ชาวเวียดนามที่มีการลักลอบขับขี่บริเวณ MRT ห้วยขวางประตู 2 นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กล่าวว่า สืบทราบแล้วว่าเป็นหมายเลข 7 ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานเขตลงพื้นที่ตรวจสอบพบมีความผิดจริง จึงจะมีการเพิกถอนใน 2 ส่วน คือ
1.เจ้าของวิน จะมีการประกาศยกเลิกวิน เนื่องจากไม่ตรวจสอบว่าใครเป็นใคร มาจากที่ไหน
2.ความผิดเฉพาะตัว โดยจะเพิกถอนหมายเลข 7 หลังจากเพิกถอนทั้งหมดแล้ว เขตจะเร่งจัดระเบียบใหม่และดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด
นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องที่คนต่างชาติแย่งอาชีพคนไทยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน งต้องมีหลายหน่วยงานมาช่วยกัน กทม.ดูเรื่องหาบเร่แผงลอยเป็นหลัก ส่วนใบอนุญาตขับรถสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกต้องมาช่วยกัน เรื่องการดูแลวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ ผู้อำนวยการเขตซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการประจำกรุงเทพมหานครจะดูแลตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่












