TECH

การ์ทเนอร์ชี้ 75% ขององค์กรจะปรับใช้ AI จริงจังในอีก 4 ปีข้างหน้า

คาดองค์กรปรับใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือดาต้า (data) ในการวิเคราะห์ จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลอย่างรวดเร็ว แม่นยำช่วยผู้บริหารพาองค์กรฝ่าวิกฤติ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และพลิกฟื้นจากโควิด-19

ริต้า ซัลแลม รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ อิงค์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก กล่าวว่า “อีกหนึ่งแนวทางสำคัญเพื่อพลิกฟื้นและวางแผนธุรกิจรับมือกับความผกผันของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การผลักดันกลยุทธ์องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data) ผู้บริหารฝ่ายข้อมูลขององค์กรจึงต้องอาศัยโซลูชันที่ตอบโจทย์เรื่องการเข้าถึงข้อมูลและการประมวลผลที่รวดเร็วแม่นยำ พร้อมทั้งความสามารถในการสเกลระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้”

โดย 10 เทรนด์ของดาต้าและเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่

Smarter, Faster, More Responsible AI (AI ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ทำหน้าที่เยอะขึ้น)

ภายในสิ้นปี 2567 องค์กร 75% จะเปลี่ยนไปใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) อย่างจริงจัง ส่งผลให้เกิดการสตรีมข้อมูลและการวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น 5 เท่า

ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการนำเทคโนโลยี AI เช่น ระบบการเรียนรู้พฤติกรรมหรือแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) มาใช้เพิ่มขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาทิ การเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning) หรือการกำหนดเงื่อนไขบางอย่างให้แมชชีนได้เรียนรู้และปิดช่องโหว่ที่พบเพื่อบรรลุเงื่อนไขที่กำหนดไว้ และการเรียนรู้แบบกระจาย (Distributed Learning) หรือแนวคิดในการเชื่อมโยงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเรียนรู้ผ่านการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์  สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการสร้างระบบที่มีสเกลได้และยืดหยุ่นเพื่อจัดการกับสถานการณ์ทางธุรกิจที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น เช่น ระบบ agent-based ที่ใช้โมเดลเป็นตัวแทนในแบบจำลองและวิเคราะห์ระบบที่มีความซับซ้อน 

Decline of the Dashboard (แดชบอร์ดจะตายไป?)

การรายงานผลแบบไดนามิกที่เน้นมอบประสบการณ์แก่ผู้ใช้งานจริงได้อัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่คอนเทนท์บนแดชบอร์ดรูปแบบเดิมจากที่เคยโชว์สรุปผลแบบรูปภาพ point-and-click และผลสำรวจการใช้งาน ด้วยเทคโนโลยี augmented analytics หรือ NLP จะเข้าวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอ้างอิงจากบทบาทหน้าที่และประสบการณ์ใช้งานจริงและจะสตรีมคอนเทนท์ที่ตอบโจทย์การใช้งานไปยังผู้ใช้แต่ละรายได้อัตโนมัติ ส่งผลให้ให้ผู้ใช้ใช้เวลาบนแดชบอร์ดที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าน้อยลง

Decision Intelligence (ตัดสินใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้นจากการจัดการข้อมูล)

ในปี 2566 องค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 33% จะมีทีมนักวิเคราะห์ข้อมูลปฏิบัติงานในด้าน Decision Intelligence รวมถึง Decision Modeling โดยการทำงานในด้าน Decision Intelligence จะนำไปสู่การกำหนดเกณฑ์การวิเคราะห์มากมาย ประกอบด้วย การจัดการการตัดสินใจ (Decision Management) และการสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support) ซึ่งช่วยกำหนดกรอบการปฏิบัติงานด้านการออกแบบ จัดวาง ดำเนินการ ตรวจสอบและปรับแต่งรูปแบบการตัดสินใจให้แก่ผู้บริหารฝ่ายข้อมูล รวมถึงกระบวนการอื่น ๆ ที่สร้างผลลัพธ์ในเชิงธุรกิจและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค

X Analytics

ช่วงการระบาดของโควิด-19 AI มีบทบาทในการประมวลผลและจัดการข้อมูลต่างๆ ทั้งงานวิจัย แหล่งข้อมูลข่าวสาร ข้อความที่ถูกโพสต์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงข้อมูลการทดลองทางคลินิกเพื่อช่วยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุขคาดการณ์การแพร่กระจายของโรค อีกทั้งยังสามารถช่วยวางแผน ค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ ๆ พร้อมระบุประชากรที่มีความเสี่ยง

“X analytics” ของการ์ทเนอร์ยังถูกนำไปใช้ร่วมกับ AI และเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์ เช่น นำ AI ใช้ร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์ด้วยกราฟช่วยเพิ่มความแม่นยำในการระบุ คาดการณ์ และวางแผนรับมือภัยธรรมชาติและวิกฤตอื่น ๆ ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

ทฤษฎี “X analytics” ของการ์ทเนอร์ X ถูกกำหนดให้เป็นตัวแปรข้อมูลด้านการวิเคราะห์ของช่วงเนื้อหาที่แตกต่างกันครอบคลุมทั้งข้อมูลดิบและข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลพร้อมใช้งาน เช่น การวิเคราะห์ข้อความ วิดีโอ เสียง และข้อมูลอื่นๆ

Cloud is a Given (ต้องมีคลาวด์ใช้งาน)

ภายในปี 2565 คลาวด์สาธารณะหรือ Public Cloud จะมีบทบาทสำคัญต่อการคิดค้นนวัตกรรมทางด้านการวิเคราะห์และข้อมูลถึง 90%  เนื่องจากข้อมูลและการวิเคราะห์ถูกย้ายขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ โดยผู้บริหารฝ่ายข้อมูลยังมีความท้าทายสำคัญในการมองหาบริการที่เหมาะสมและสอดรับกับรูปแบบการใช้งานต่าง ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดจากการใช้โซลูชันที่ไม่รองรับการสเกลระบบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

ผู้บริหารที่ดูแลด้านดาต้าและการวิเคราะห์จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของเวิร์คโหลดที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคลาวด์ถูกลดทอนไปได้และให้ความสำคัญไปที่การบริหารความคุ้มค่าเมื่อต้องเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปสู่คลาวด์

Data and Analytics Worlds Collide (ระบบข้อมูลและการวิเคราะห์จะอยู่คู่กัน)

โดยปกติการเลือกใช้เทคโนโลยีดาต้าและอนาไลติกส์จะแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร โดยใช้อัตลักษณ์และรูปแบบการบริหารจัดการของแต่ละองค์กรมาพิจารณาเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับการใช้งาน ผู้จำหน่ายโซลูชันจะเสนอขาย เวิร์กโฟลว์แบบครบวงจรโดยเปิดใช้งานการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี augmented analytics ซึ่งยากต่อการแยกแยะความแตกต่างของสองตลาด ต่อไปจะเกิดการรวมกันของข้อมูลและระบบวิเคราะห์ ซึ่งจะเพิ่มการโต้ตอบและการทำงานร่วมกันระหว่างข้อมูลเก่าที่ถูกส่งออกและระบบการวิเคราะห์ข้อมูล

Data Marketplaces and Exchanges (ตลาด และการแลกเปลี่ยนดาต้า)

ในปี 2565 องค์กรขนาดใหญ่ราว 35% จะกลายเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายข้อมูลผ่านออนไลน์มาร์เก็ตเพลส โดยโตจาก 25% ในปี 2563 ซึ่งแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนข้อมูลและดาต้ามาร์เก็ตเพลสจะกลายเป็นแหล่งรวมข้อมูลออนไลน์เดียวที่จัดเก็บข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ไว้สำหรับนำไปใช้และลดต้นทุนให้กับองค์กร

Blockchain in Data and Analytics (บล็อกเชนในดาต้า และการวิเคราะห์)

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2564 บล็อกเชนได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่จะถูกแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ DBMS ระบบจัดการฐานข้อมูลบัญชีแยกประเภท 

โดยความท้าทายอยู่ที่ บล็อกเชน รวบรวมข้อมูลสินทรัพย์และธุรกรรมทั้งหมด และอย่างที่สอง คือ บล็อกเชนมีความโปร่งใสแม้เครือข่ายมีความซับซ้อนและผู้ใช้หลากหลาย 

Relationships Form the Foundation of Data and Analytics Value (ความสัมพันธ์สร้างรากฐานแก่ข้อมูลและเพิ่มคุณค่าในการวิเคราะห์)

ในปี 2566 องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกราว 30% จะใช้เทคโนโลยีกราฟในการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยกราฟ เป็นเทคนิคหนึ่งในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ข้อมูลนั้นถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบเชิงความสัมพันธ์ โดยใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของรายละเอียดต่าง ๆ เช่น องค์กร คน และธุรกรรมต่าง ๆ  มันช่วยให้ผู้บริหารฝ่ายข้อมูลค้นพบความสัมพันธ์ของข้อมูลใหม่ ๆ และตรวจสอบข้อมูลที่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวิธีการแบบเดิม

Related Posts

Send this to a friend