เลอโนโว เผยผลสำรวจ กลุ่มอาเซียนโฟกัสโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮบริด รองรับการใช้งาน AI

วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไป เลอโนโว ประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน เผยว่า “ไทยได้มีการวางเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาคอาเซียน และธุรกิจในไทยก็กำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลโดยมีโฟกัสหลักคือการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สามารถวัดค่าได้และมีจริยธรรมให้แก่ธุรกิจ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในการประยุกต์ใช้ AI และใช้ AI เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้อย่างแท้จริงผ่านพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของเลอโนโวที่มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งาน AI ทั้งในอุปกรณ์ ระบบโครงสร้างเพื่อรองรับการใช้งาน AI โซลูชั่นและบริการเพื่อเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโตระยะยาว เสริมประสิทธิภาพความได้เปรียบในการแข็งขันทางธุรกิจ และเพื่อเป็นผู้นำการใช้งาน AI ระดับภูมิภาคและสร้างเศรษฐกิจที่ผลักดันด้วย AI”
เพื่อเข้าใจเทรนด์และความต้องการขององค์กรอย่างแท้จริง ล่าสุด เลอโนโว (Lenovo) ร่วมกับ IDC จัดทำLenovo’s CIO Playbook 2025 โดยสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามจากทั่วโลกกว่า 2,900 คน รวมถึงเหล่าผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีกว่า 900 คน ใน 12 ตลาดทั่วในเอเชีย แปซิฟิค อันได้แก่ อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาเซียนพลัส (ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกงไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) พบว่าผู้นำทางธุรกิจและผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที ต่างเห็นพ้องกันถึงทิศทางของการลงทุนด้าน AI ที่จะต้องมี ROI หรือผลตอบแทนของการลงทุนเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยกลุ่มธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิค มีแผนลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่า ส่วนธุรกิจใน อาเซียนพลัส มีแผนการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า
โดยมีลำดับความสำคัญในการใช้งาน AI พบว่าเอเชียแปซิฟิก ให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในด้าน ปฏิบัติการ IT มาอันดับ 1 ตามด้วยความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 2 และ การพัฒนาซอฟต์แวร์มาเป็นอันดับที่ 3ในขณะที่ อาเซียนพลัส (รวมประเทศไทย) เน้นการใช้งานเพื่อ การบริการลูกค้าเป็นหลักโดยมาเป็นอันดับที่ 1ตามด้วยการปฏิบัติการ IT มาเป็นอันดับที่ 2 และ ด้านวิศวกรรม และR&D มาเป็นอันดับที่ 3
ปัจจุบันการใช้งาน AI ในหลายองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประยุกต์ใช้ หากแต่แนวโน้มจากผลสำรวจชี้ว่า ธุรกิจในภูมิภาคนี้ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในกลุ่มอาเซียนพลัส พบว่า 47% ขององค์กรยังอยู่ในช่วงประเมินและวางแผนใช้ AI ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเอเชียแปซิฟิก (56%) และทั่วโลก (49%) โดยสิงคโปร์ ถูกระบุว่าเป็นผู้นำในอาเซียนด้านความพร้อมใช้งาน AI ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดอื่น ๆ ยังเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ
เมื่อมีนวัตกรรมเปลี่ยนโลกเข้ามา สิ่งที่ตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือข้อกังวลด้านการใช้งาน AI อย่างมีธรรมาภิบาล (Governance, Risk, and Compliance – GRC) นับว่ายังเป็นจุดอ่อนสำคัญ โดยมีเพียง 24% ของธุรกิจในอาเซียนพลัสที่นำกรอบ GRC ไปใช้ในระดับองค์กรอย่างสมบูรณ์ ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระดับโลก
นอกจากนี้การนำ AI มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริงนั้นโครงสร้างนับเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการนำ AI มาใช้ โดยรายงานพบว่า 65% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ on-premise และ hybrid ซึ่งได้รับความนิยมเนื่องจาก ความปลอดภัย ความหน่วงต่ำ และความคล่องตัวในการควบคุม โดยมีเพียง 19% เท่านั้นที่ใช้ระบบคลาวด์สาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ แนวโน้มนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในอาเซียนพลัส โดย 68% ของธุรกิจเลือกใช้ระบบ on-premise และ hybrid เป็นส่วนใหญ่
ซินิซา นิโคลิก ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ High-Performance computer, AI และ Cloud Service Provider เลอโนโว เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบไฮบริดนั้นตอบโจทย์ในการใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการขยายและลดขนาดตามความต้องการ และการควบคุมที่ทำได้อย่างสะดวก โดย 63% ของธุรกิจทั่วโลกเลือกใช้ การวางโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลของบริษัทแบบ on-premise และแบบไฮบริด เพื่อรองรับการใช้งาน AI ซึ่งธุรกิจในอาเซียนพลัสนั้นนำเทรนด์การใช้งานนี้สูงกว่าระดับเอเชีย แปซิฟค และระดับโลก อันทำให้เห็นถึงแผนการที่ชัดเจนในการ ใช้งานนวัตกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเลอโนโวในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยีที่นำเสนอโซลูชั่น AI ที่ครบครันรอบด้านสำหรับธุรกิจ, ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่อัจฉริยะ และเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในทุกประเภทภายใต้วิสัยทัศน์ Smarter AI for All ก็พร้อมเป็นตัวช่วยให้แก่ธุรกิจ
ข้อมูลจาก Lenovo’s CIO Playbook 2025 ยืนยันว่า องค์กรในภูมิภาคนี้ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูลและการควบคุมภายในองค์กร เพื่อรองรับการใช้งาน AI อย่างมั่นคง โดยเฉพาะในยุคที่ GenAI กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักของธุรกิจในการเร่งประสิทธิภาพและนวัตกรรม