TECH

การ์ทเนอร์ เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ปี 69

วันนี้ (27 ต.ค. 68) การ์ทเนอร์ อิงค์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำ ประกาศ 10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรธุรกิจควรจับตาในปี 2569 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

Gene Alvarez รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ กล่าวว่า ปี 2569 จะเป็นปีสำคัญสำหรับผู้นำด้านเทคโนโลยี เทรนด์ต่างๆ จะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเชื่อมต่อกันสูง ซึ่งองค์กรต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานสู่ความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน

Tori Paulman รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์อีกท่าน เสริมว่า แนวโน้มเหล่านี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี แต่เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ความเร็วของนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน องค์กรที่ลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้จะสามารถกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมในทศวรรษหน้าได้

10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในปี 2569 ประกอบด้วย

-AI Supercomputing Platforms: แพลตฟอร์มที่รวมหน่วยประมวลผลหลากหลายรูปแบบ (CPUs, GPUs, AI ASICs, Neuromorphic) เพื่อจัดการงานซับซ้อนที่ต้องใช้ข้อมูลเข้มข้น เช่น Machine Learning, Simulation และ Analytics ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำกว่า 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing Paradigm ในงานสำคัญ เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การคิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ หรือการจำลองตลาดการเงินเพื่อลดความเสี่ยง

-Multiagent Systems (MAS): ชุดของ AI Agent ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายซับซ้อน ช่วยให้องค์กรทำให้กระบวนการธุรกิจเป็นอัตโนมัติ ยกระดับทักษะทีม และสร้างวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับ AI Agent

-Domain-Specific Language Models (DSLMs): โมเดลภาษาที่ฝึกฝนหรือปรับแต่งด้วยข้อมูลเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมหรือหน้าที่เฉพาะ ให้ความแม่นยำ ต้นทุนต่ำ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ดีกว่า Large Language Model (LLM) ทั่วไป การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2571 โมเดล GenAI กว่าครึ่งที่องค์กรใช้จะเป็นแบบเฉพาะโดเมน

-AI Security Platforms: แพลตฟอร์มรวมศูนย์สำหรับรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชัน AI ช่วยในการมองเห็น บังคับใช้นโยบาย และป้องกันความเสี่ยงเฉพาะของ AI เช่น Prompt Injection, Data Leakage และ Rogue Agent Actions การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2571 องค์กรกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มนี้

-AI-Native Development Platforms: แพลตฟอร์มที่ใช้ GenAI ช่วยสร้างซอฟต์แวร์ได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญในโดเมนที่ไม่ใช่สายเทคนิคสามารถผลิตซอฟต์แวร์ได้ด้วยตนเองภายใต้การกำกับดูแล การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2573 แพลตฟอร์มนี้จะทำให้ 80% ขององค์กรปรับทีม Software Engineering ให้เล็กลงและคล่องตัวขึ้นโดยมี AI เสริม

-Confidential Computing: แนวทางรักษาความปลอดภัยข้อมูลขณะกำลังประมวลผล โดยแยกภาระงานไว้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย (TEE) ที่อิงกับฮาร์ดแวร์ ทำให้เนื้อหาเป็นส่วนตัวแม้จากเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน มีประโยชน์เฉพาะกับอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการข้อมูลละเอียดอ่อนหรือเผชิญความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2572 การดำเนินการกว่า 75% ในโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่น่าเชื่อถือจะใช้เทคโนโลยีนี้

-Physical AI: การนำ AI ไปฝังในเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางกายภาพ เช่น หุ่นยนต์ โดรน เพื่อให้รับรู้ ตัดสินใจ และดำเนินการได้ในโลกจริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมที่เน้นระบบอัตโนมัติและความปลอดภัย

-Preemptive Cybersecurity: ความปลอดภัยไซเบอร์เชิงป้องกันล่วงหน้า ดำเนินการก่อนผู้โจมตีจะลงมือ โดยใช้ AI-powered SecOps, Programmatic Denial และเทคโนโลยีลวง (Deception) การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2573 โซลูชันเชิงป้องกันล่วงหน้าจะคิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทั้งหมด

-Digital Provenance: ความสามารถในการตรวจสอบแหล่งที่มา ความเป็นเจ้าของ และความสมบูรณ์ของสินทรัพย์ดิจิทัล (ซอฟต์แวร์, ข้อมูล, สื่อ) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้เครื่องมือ เช่น Software Bills of Materials (SBoM) และ Digital Watermarking การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2572 ผู้ที่ไม่ลงทุนในด้านนี้จะเผชิญความเสี่ยงจากการลงโทษมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

-Geopatriation: การย้ายข้อมูลและแอปพลิเคชันจากผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะระดับโลก ไปสู่การดำเนินงานแบบท้องถิ่น (เช่น Sovereign Cloud, ศูนย์ข้อมูลองค์กร) เพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการด้าน Cloud Sovereignty ที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ควบคุมข้อมูล การปฏิบัติตามข้อกำหนด และสร้างความไว้วางใจได้มากขึ้น

Related Posts

Send this to a friend