TECH

ถอดบทเรียนจากเหยื่อคอลล์เซ็นเตอร์  “พลาดไปแล้ว ทำไงต่อ?” แนะวิธีป้องกัน-ลดความเสียหาย

การแพร่ระบาดของภัยไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่คุกคามประชาชนทั่วโลก ด้วยความซับซ้อนและกลโกงที่แนบเนียนขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” ร่วมกับ “The Reporters” จัดเสวนาออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “พลาดไปแล้ว ทำไงต่อ? จัดการความเสียหายจากภัยไซเบอร์ได้อย่างไรบ้าง” โดยมี นางสาวพัชรพร พงษ์ทัดศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นางสาวประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ และ ดร.เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อถอดบทเรียนจากประสบการณ์ตรงและแนะนำช่องทางการรับมือที่สำคัญ

รู้เท่าทันสำคัญที่สุด

นางสาวพัชรพร พงษ์ทัดศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เน้นย้ำว่ากองทุนฯ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ และรู้วิธีการจัดการเมื่อตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เครือข่ายภาคเอกชนและสื่อมวลชนช่วยกันกระจายข้อมูลที่เป็นประโยชน์

“หนึ่งในภารกิจหลักของเราคือส่งเสริมให้คนรู้เรื่องภัยไซเบอร์ และรู้วิธีการจัดการ เราอยากให้กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และมีแนวทางในการจัดการความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนรับมือกับภัยออนไลน์ได้” นางสาวพัชรพรกล่าว พร้อมแนะนำเทคนิค 5 ประการในการรับมือกับมิจฉาชีพออนไลน์ ได้แก่ ไม่ควรกดลิงก์ที่ไม่คุ้นเคย ตั้งค่าการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication) สำหรับธุรกรรมการเงิน อัปเดตซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันบนมือถือเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการใช้ WiFi สาธารณะโดยเฉพาะเมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน และติดตามข่าวสารเตือนภัยอยู่เสมอ

จากประสบการณ์ตรง: บทเรียนความเสียหายกว่าล้านบาท

นางสาวประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จริงที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 โดยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และมีข้อมูลโฉนดที่ดินที่ถูกต้องแม่นยำ ทำให้หลงเชื่อและถูกชักนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม “SmartLand” จนเงินในบัญชีธนาคาร และบัตรเครดิตสูญไปกว่าล้านบาท

“มารู้ตัวอีกทีคือตอนที่แอปธนาคารในมือถือมันกระจายออกจากโฟลเดอร์… สุดท้ายเสียหายไปล้านกว่าบาทจาก 3 ธนาคาร ซึ่งเป็นเงินที่มิจฉาชีพไปเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตเรา แล้วถอนออกมา… แม้ตำรวจจะจับบัญชีม้าได้ แต่เราก็ไม่ได้เงินคืน ต้องมารับผิดชอบหนี้เอง”

“อยากเตือนทุกคนว่า ข้อมูลส่วนตัวของเรามันรั่วไหลได้จริง ๆ… พาสเวิร์ดของ Mobile Banking ต้องแยกกับแอปอื่น และต้องไม่ตั้งให้ง่ายเกินไป ที่สำคัญคือต้องมี ‘สติ’ อย่าเชื่อ อย่ารีบ อย่าโอน”

AOC 1441: จุดเดียวจบ แจ้งและเชื่อมโยงทุกหน่วยงานลดความเสียหาย

ดร.เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ สามารถติดต่อมาที่ศูนย์ AOC 1441 เพียงจุดเดียวจบ เพราะเป็นเป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างผู้เสียหาย ตำรวจ ธนาคาร กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการปัญหาอย่างครบวงจร โดยไม่ต้องไปหลายจุด หรือใช้เวลามากๆ ซึ่งจะทำให้ไม่ทันกาลเหมือนกับในอดีตก่อนมีการจัดตั้งศูนย์ AOC ขึ้นมาที่ต้องไปดำเนินการแจ้งความ แล้วขอเคสไอดี ไปแจ้งแต่ละธนาคารเอง ต้องเล่าเรื่องใหม่หมด ฯลฯ

“หากรู้ตัวว่าถูกหลอก ให้ตั้งสติ และโทร 1441 ทันที โดยสามารถ กด 1 เพื่อระงับบัญชีม้าที่รับโอนเงินโดยทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 100 คู่สาย และไม่ต้องกังวลเรื่องการไปสถานีตำรวจในทันที การโทรหา AOC ถือเป็นการแจ้งความเบื้องต้นแล้ว จากนั้นผู้เสียหายมีเวลา 72 ชั่วโมงในการไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ” ดร.เอกพงษ์ กล่าว

ดร.เอกพงษ์ชี้แจงว่า AOC มีการบูรณาการข้อมูลกับธนาคารทุกแห่งผ่านระบบ Central Fraud Registration (CFR) ซึ่งหมายความว่า หากชื่อ-นามสกุลใดถูกระบุว่าเป็นบัญชีม้า บัญชีทั้งหมดในชื่อนั้นจะถูกอายัดทันทีในทุกธนาคาร นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงข้อมูลกับสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) สำหรับบัญชีนิติบุคคล ผู้ให้บริการมือถือ และ e-wallet เพื่อระงับบัญชีที่เกี่ยวข้อง โดยจากผลการดำเนินงาน สามารถระงับบัญชีม้าไปแล้วเกือบ 2 ล้านบัญชี และช่วยลดมูลค่าความเสียหายลงเกือบ 60% จากเดิมที่เคยสูงถึงเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 ยังให้อำนาจหัวหน้าศูนย์ AOC ในการระงับบัญชีและธุรกรรม รวมถึงบัญชีมือถือได้อย่างทันท่วงที และคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. สามารถพิจารณาคืนเงินให้ผู้เสียหายได้โดยไม่ต้องรอคดีถึงที่สุด

ดร.เอกพงษ์ยังได้เตือนภัยถึงกลโกงของมิจฉาชีพที่มักจะหลอกลวงตามนโยบายรัฐบาลหรือเหตุการณ์ที่เป็นกระแส และย้ำว่าควรรู้เท่าทันว่าหน่วยงานราชการไม่มีนโยบายโทรศัพท์ไปสอบสวนเรื่องการทำผิดกฎหมายหรือขอให้โอนเงินเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ สำหรับการป้องกันส่วนบุคคล แนะนำให้แยกบัญชีเงินฝากประจำออกจาก Mobile Banking เพื่อลดความเสี่ยง และควรมีรหัสยืนยันตัวตนง่าย ๆ แม้แต่กับคนในครอบครัวเพื่อป้องกันการแอบอ้าง

“หากได้รับสายต้องสงสัย ให้ขอเบอร์โทรกลับแล้ววางสาย เพราะส่วนใหญ่ของเบอร์คอลเซ็นเตอร์จะติดต่อกลับไม่ได้ และหากไม่แน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ เช่น ได้รับลิงก์แปลกๆ หรือมีคนโทรมาเสนอการลงทุน สามารถโทร 1441 กด 3 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลก่อนได้เช่นกัน” ดร.เอกพงษ์ แนะนำ

การเสวนาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ภัยไซเบอร์จะพัฒนาไปไกลเพียงใด แต่เกราะป้องกันที่ดีที่สุดคือ “สติ” ของประชาชน ควบคู่ไปกับกลไกการรับมือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่าง AOC 1441 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ประชาชนทุกคนควรจดจำไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

Related Posts

Send this to a friend