รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตชี้ ‘ติดจอ-ห่วงยอดไลก์’ ทำคนเสี่ยงซึมเศร้า ด้านคอนเทนต์ครีเอเตอร์แชร์วิธีรับมือ
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 68 The Reporters และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้จัดเสวนาออนไลน์เพื่อสร้างเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล ป้องกันภัยไซเบอร์ ในหัวข้อ “ติดจอ หรือติดหล่ม: เมื่อ ‘ยอดไลก์’ และ ‘การแจ้งเตือน’ ควบคุมชีวิตเรา” โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ร่วมสะท้อนปัญหาสุขภาพจิตในยุคดิจิทัล
นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพจิต กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ชี้ว่าการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างตัวตนและยึดติดกับยอดไลก์ อาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าเมื่อได้รับความคิดเห็นเชิงลบ นอกจากนี้ยังเกิดภาวะ FOMO (Fear of Missing Out) หรือความกลัวตกข่าวสารสำคัญ ทำให้เกิดความหมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ซึ่งจะเข้าข่ายเป็น “โรค” ทางจิตเวชก็ต่อเมื่อส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือความสัมพันธ์
นพ.จุมภฏ ยังเตือนถึงผลกระทบต่อเด็กที่ติดหน้าจอ ซึ่งอาจทำให้สมองส่วนหน้า (Executive Function) ที่ควบคุมเหตุผลและการยับยั้งชั่งใจพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีสมาธิสั้นและฉุนเฉียวง่าย พร้อมแนะนำหลักการ Digital Detox คือไม่ควรอยู่หน้าจอต่อเนื่องเกิน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันความอ่อนล้าของสายตาและสมอง
ด้านนายเอกรัฐ ตะเคียนนุช คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายข่าว (Art Talk) ยอมรับว่าตนมีอาการ FOMO อย่างชัดเจนจากความจำเป็นของสายงานที่ต้องเช็กโทรศัพท์ตลอดเวลาเพราะกลัวพลาดประเด็นสำคัญ ขณะที่นางสาวโศธิดา โชติวิจิตร คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายการเงิน (Money Monster) เล่าประสบการณ์การรับมือกับการถูกบูลลี่ในโลกออนไลน์ โดยใช้วิธีไม่โต้ตอบและปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง
นางสาวโศธิดาได้เปิดเผยเทคนิคส่วนตัวในการรักษาสุขภาพจิต คือการมี “แผนกสุขภาพจิตเจ้าของช่อง” โดยให้แอดมินทำหน้าที่คัดกรอง ลบ และบล็อกความคิดเห็นเชิงลบหรือคุกคามออกไปก่อน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยก่อนที่ตนจะเข้าไปอ่านความคิดเห็น
ด้านนางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย แนะนำว่าเมื่อถูกคอมเมนต์หรือโจมตีบนโลกออนไลน์ ขั้นตอนแรกคือเข้าไปดูโปรไฟล์ของผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็น หากว่าเป็นบัญชีอวตารที่เข้ามาโจมตีทำลาย ให้เลือกลบไป และหากหยาบคายหรือไม่เลิกก็จะบล็อกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อล้อต่อเถียง ส่วนหากเป็นความคิดเห็นจากบุคคลที่มีตัวตนจริง จะเปิดรับฟังและนำมาทบทวนเพื่อจัดการปัญหาและชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้าง Data Footprint ที่ถูกต้องในโซเชียลมีเดียของตนเอง
ท้ายที่สุด นพ.จุมภฏกล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดการปัญหาการเสพติดโซเชียลมีเดียขึ้นอยู่กับวินัยในตนเอง หากการใช้งานไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตก็ถือว่ายอมรับได้ แต่หากเริ่มส่งผลกระทบ ต้องมีสติและบังคับตนเองเพื่อไม่ให้การใช้ชีวิตประจำวันเสียหาย และในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิฯ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มองว่าการใช้สื่อเพื่อสนับสนุนการให้ความรู้ และสร้างการรู้เท่าทันสื่อมีความสำคัญ และควรเพิ่มการเข้าถึงให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อช่วยลดปัญหาต่างๆ ลง
สำหรับท่านที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตทางสายด่วน 1323 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง












