ดีป้า เปิดตัว ‘OTOD AI Transformation ช่วยชาติ’ หนุน SMEs-เกษตรกร
ดีป้า ผนึกกรมสรรพากร และบีโอไอ ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคธุรกิจ ประกาศนโยบาย AI Transformation ชูกลไกบัญชีบริการดิจิทัล และมาตรฐาน dSURE พร้อมเปิดตัวโครงการ ‘OTOD AI Transformation ช่วยชาติ’ หนุน SMEs ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาดสด และเกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งเป้าภายในปี 2569 ส่งเสริมไม่น้อยกว่า 15,600 รายได้ลองใช้ดิจิทัลโซลูชัน และได้รับการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและเอไอ สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดีป้าจึงเร่งกลไก AI Transformation ควบคู่กับการยกระดับ Digital & AI Solution ของไทย พร้อมขับเคลื่อนด้วยสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ใช้จริงในภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ ดีป้ามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของไทยผ่านกลไกสำคัญที่มุ่งเน้นทั้ง ‘คน’ ผ่านกลไก Digital Skill Roadmap และ ‘เทคโนโลยี’ ที่บูรณาการการทำงานกับกรมสรรพากร และบีโอไอ ภายใต้กลไกบัญชีบริการดิจิทัล และมาตรฐาน dSURE ยกระดับผลิตภัณฑ์ บริการดิจิทัลของไทยให้ได้มาตรฐานสากลควบคู่กับการส่งเสริม ขยายโอกาสผู้ประกอบการดิจิทัลไทยให้เข้าสู่ตลาดภาครัฐ
มาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานจริงในกลุ่ม SMEs ได้แก่ การส่งเสริมจากดีป้าในรูปแบบ Matching Fund (d-transform) ตั้งเป้าส่งเสริมไม่น้อยกว่า 600 ราย และสิทธิ์การใช้ดิจิทัลฟรี (d-voucher) ไม่น้อยกว่า 15,000 สิทธิ์ ภายในปี 2569 รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนเทคโนโลยีดิจิทัลมาหักภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 200% ในวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท
มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจากบีโอไอ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดย SMEs ที่ลงทุนในซอฟต์แวร์จากบัญชีบริการดิจิทัลจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 5 ปีเต็ม 100% และธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับการยกเว้น 3 ปี 50%
ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัล ดีป้า กล่าวว่า OTOD AI Transformation ช่วยชาติ เป็นอีกโครงการที่จะกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสการลงทุนใหม่และต่อยอดสู่ตลาดสากล
การดำเนินงานระยะแรกตั้งเป้าส่งเสริมเกษตรกรรายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอยตลาดสด และเกษตรกร ไม่น้อยกว่า 15,000 ราย กลุ่มธุรกิจภาคการผลิต 200 ราย กลุ่มธุรกิจการค้าและบริการ 300 ราย และโรงงานเกษตรแปรรูป 100 ราย ทั้งนี้ โครงการจะดำเนินการครอบคลุม 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่
ส่วนที่ 1 การส่งเสริมและสนับสนุน แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1) ยกระดับธุรกิจด้วยดิจิทัล ส่งเสริมสูงสุด 200,000 บาท กลุ่มเป้าหมาย SMEs รวม 600 ราย แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจภาคการผลิต 200 ราย กลุ่มธุรกิจการค้าและบริการ 300 ราย กลุ่มเกษตรกรแปรรูป 100 ราย
2) เริ่มต้นใช้งานดิจิทัล ส่งเสริมสิทธิ์การใช้ดิจิทัลเริ่มต้น 6 เดือน กลุ่มเป้าหมาย 15,000 ราย แบ่งเป็น SMEs ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย 10,000 ราย และเกษตรกร 5,000 ราย โดยจะเปิดให้กดรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ วันที่ 1 ตุลาคมนี้
ส่วนที่ 2 กิจกรรมกระตุ้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI (โรดโชว์) ใน 7 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี อุบลราชธานี และขอนแก่น












