TECH

TikTok ส่งเสริมคนไทยรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ ผนึก 5 พันธมิตรเดินหน้าแคมเปญ #พื้นที่ปลอดภัยในการไถฟีด

TikTok ในประเทศไทย จับมือกับมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย (INET) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน และสมาคมวิทยุและสื่อเพื่อเด็กเยาวชน (สสดย.) ผนึกกำลังร่วมกันจัดงานเนื่องในวัน Thailand Safer Internet Day โดยมีกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักสาธารณะ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพื่อให้สามารถใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย และสร้างสรรค์ ไม่เกิดความเสียหายหรือความสูญเสีย ผ่านแคมเปญ #พื้นที่ปลอดภัยในการไถฟีด ที่รวบรวมข้อมูลสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ในการใช้สื่อออนไลน์ โดยให้ผู้ใช้เข้ามาร่วมแชร์ข้อมูล หรือเทคนิคที่เป็นประโยชน์ ในแบบของตนเองดังนี้

1.สร้างความเข้าใจเรื่องการตั้งค่า ความเป็นส่วนตัวของบัญชีผู้ใช้งาน (Privacy setting): ในการรับมือกับความคิดเห็นที่หลากหลาย และสร้างสุขภาวะที่ดีบนพื้นที่ออนไลน์ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีผู้ใช้ และความเป็นส่วนตัวของวิดีโอ เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีและสามารถทำได้ด้วยตนเอง เมื่อตั้งค่าบัญชีให้เป็นส่วนตัว จะมีเพียงคนที่ได้รับอนุมัติเท่านั้นที่จะสามารถติดตามผู้ใช้ กดถูกใจ หรือเข้าถึงวิดีโอ Live-streaming ประวัติของบัญชีผู้ใช้ รายชื่อที่กำลังติดตาม และผู้ติดตามได้ สำหรับบัญชีผู้ใช้งานสาธารณะ สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของแต่ละวิดีโอเพื่อเลือกว่าใครสามารถรับชมแต่ละวิดีโอได้บ้าง ซึ่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของวิดีโอ และบัญชีผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
2.สร้างพื้นที่ปลอดภัยผ่านการตั้งค่า เพื่อกรองความคิดเห็นในแง่ลบ (Comment filters): ผู้ใช้สามารถตั้งค่ากรองความคิดเห็น โดยเลือกอนุญาตให้ผู้ใดสามารถแสดงความคิดเห็นได้บ้าง เช่น ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็น เฉพาะเพื่อนที่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือเฉพาะผู้ติดตามที่สามารถแสดงความคิดเห็น นอกจากการกรองความคิดเห็นแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถรายงานความคิดเห็นที่มีแนวโน้มละเมิดแนวทางปฏิบัติของชุมชนได้อีกด้วย

3.กำหนดเวลาหน้าจอประจำวันที่เหมาะสม (Daily screen time): สุขภาวะที่ดีสามารถเริ่มต้นจากการตั้งค่าเวลาหน้าจอประจำวัน จะมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ถูกตั้งค่าไว้บน TikTok การจำกัดเวลาหน้าจอนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว และสำหรับผู้ปกครองสามารถกำหนดเวลาหน้าจอประจำวันของบุตรหลานในแต่ละวันได้โดยตรง หากมีการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครองไว้

TikTok จะยังคงเดินหน้าให้องค์ความรู้ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นไปที่ 4 ประเด็นสำคัญ ซึ่งจากสถิติได้ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทย ยังขาดความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้

1.ความปลอดภัยของผู้เยาว์ จากสถิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่ามากกว่าร้อยละ 20 ของเด็กในประเทศไทย มีความเสี่ยงถูกแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศออนไลน์ หรือ Online Child Exploitation และมีสัดส่วนผู้กระทำผิดสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเยาวชนไทย TikTok จึงมุ่งมั่นที่จะให้องค์ความรู้กับเด็ก และผู้ปกครอง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

2.การกลั่นแกล้งและคุกคามบนไซเบอร์ ตามที่มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยและศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนการส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในการใช้สื่อออนไลน์ เผยว่าเยาวชนอายุระหว่าง 9-18 ปี จำนวนถึง 31,965 คน เคยโดนกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างความเข้าใจ ในเรื่องการกลั่นแกล้งและคุกคามบนไซเบอร์แล้วนั้น TikTok ยังผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมอันดี ในการเคารพความแตกต่าง ร่วมถึงแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์

3.การต่อต้านข้อมูลบิดเบือน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในช่วงปีที่ผ่านมามีการรับแจ้งเบาะแส และติดตามการสนทนาบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับข่าวปลอม และพบว่ามีข้อความข่าว ที่ต้องการการคัดกรองถึง 517,965,417 ข้อความ ซึ่งเป็นประเด็นที่ TikTok ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรามีมาตรการในการรับมือ เพื่อตรวจสอบข้อมูล พร้อมทั้งให้ความรู้ในการคัดกรองข้อมูลกับผู้ใช้ควบคู่ไปด้วย

4.การสร้างสุขภาวะที่ดีบนดิจิทัล โดยสถิติจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีคะแนนสุขภาวะดิจิทัลที่ดี (Digital Well-being) ที่ 68 คะแนน แต่มีเพียงร้อยละ 18.8 มีสุขภาวะดิจิทัลในระดับดีมาก ดังนั้นการเพิ่มองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีบนดิจิทัลของคนไทย จึงเป็นอีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญ

Related Posts

Send this to a friend