SPORT

สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นข้อเสนอต่อ กสทช. บอลโลกรอบสุดท้าย ทุกคนต้องได้ดูฟรี

วันนี้ (30 พ.ย. 65) วรลักษณ์ ศรีใย หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค เผยว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศต้องทั่วถึง เป็นธรรม ล่าสุดได้ยื่นเรื่องให้ กสทช.เปิดเงื่อนไขสัญญาเงินสนับสนุน ที่ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อความโปร่งใส พร้อมเสนอให้ กสทช. ออกมาตรการเยียวยาแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภค สืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติอนุมัติการสนับสนุนเงินงบประมาณ แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 (FIFA World Cup Final) โดยใช้เงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง

วรลักษณ์ ระบุว่า “กสทช.ต้องจัดให้ประชาชน ต้องได้รับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอย่างทั่วถึง ผ่านฟรีทีวีเพื่อการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจากการติดตามข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาองค์กรของผู้บริโภค ในประเด็นลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก พบว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ให้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกในประเทศไทย กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพียงผู้เดียว ดังนั้น กกท. จึงมีสิทธิ์ในการจัดสรรการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงทุกช่อง แต่ กกท. กลับให้บริษัท ทรู ดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด บริษัท ทรู วิชั่น กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด (กลุ่มทรู) ได้สิทธิเลือกคู่แข่งขัน ทั้งจำนวนคู่ และได้จำนวนช่องที่มากกว่า และสามารถถ่ายทอดสดในระบบ HD รวมถึงยังได้รับการสนับสนุน จากค่าโฆษณาสินค้าอีกด้วย ทั้งที่จ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์ไปเพียง 25 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กกท. ยังไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่า มีการทำสัญญาการให้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกระหว่าง กกท. กับผู้ประกอบการรายดังกล่าวเลย และเป็นที่มาของคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตามมาคือผู้บริโภคได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถรับชมช่องฟรีทีวีตามปกติ ได้ตามกติกาของ กสทช. ได้แก่ มัสต์แครี่ (Must Carry) คือ ผู้ให้บริการทีวีทุกประเภท ต้องนำสัญญาณของช่องทีวีดิจิทัลพื้นฐาน ซึ่งเป็นฟรีทีวีไปเผยแพร่ และมัสต์แฮฟ (Must Have) คือ กีฬาหลักๆที่สำคัญ จำนวน 7 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ (FIFA World Cup Final) ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ ที่ต้องให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการฟรีทีวี เพื่อความเท่าเทียมทั่วถึง และไม่สร้างภาระค่าใช้จ่ายกับประชาชน

“การกำหนดกติดังกล่าวขึ้นมากระทบสิทธิขั้นพื้นฐานผู้บริโภค เพราะเป็นเงื่อนไขให้ผู้บริโภคต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงเนื้อหา ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ผ่านฟรีทีวีได้ตามปกติ ทั้งที่หลักการของมัสต์แครี่ คือต้องมีการบริการที่เป็นการทั่วไป”

ด้วยสาเหตุข้างต้นที่ทำให้ผู้บริโภค ได้รับผลกระทบและมีภาระเพิ่ม ในการเข้าถึงเนื้อหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกนั้น สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงยื่นหนังสือข้อเสนอ ให้กับ ภูมิภัส พลการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร ตัวแทนจาก กสทช. ที่เป็นผู้รับหนังสือแทน ดังนี้

  1. เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขและสัญญาที่ กสทช. จัดทำกับ กกท.จากการสนับสนุนงบประมาณ 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส. มาตรา 52 และ 36 ที่อ้างถึงการให้คนพิการ คนด้อยโอกาสได้เข้าถึงการรับชมบอลโลก เพื่อดูว่าการสนับสนุนของกองทุน กทปส. เป็นไปตามเจตนารมณ์และเป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือไม่
  2. กสทช.ควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการออกมาตรการเยียวยาให้กับผู้บริโภค ที่รับชมฟรีในระบบโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต (IPTV) มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันไม่สามารถรับชมรายการตามปกติได้ครบทุกช่อง โดยเฉพาะเนื้อหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศที่กำหนดในกฎมัสต์แฮฟ ส่งผลให้กระทบสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน เช่น การเยียวยาสนับสนุนอุปกรณ์ การรับสัญญาณดิจิทัลทีวีให้กับครัวเรือนที่ต้องการ โดยใช้กองทุน กทปส. มาสนับสนุนตามหลักการ
  3. ควรเปิดรับเรื่องร้องเรียนเชิงรุก จากกรณีปัญหาจอดำที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อสำรวจผลกระทบและวางมาตรการแก้ไขเพื่อให้คนไทยเข้าถึง ‘ฟรีทีวี’ ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ตามหลักการโทรทัศน์ที่เป็นการบริการทั่วไปตามกฎหมาย กสทช.
  4. กสทช.ควรเปิดรับฟังความเห็นการแก้ไข กติกามัสต์แฮฟ และมัสต์แครี่ ในระยะยาว ให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นและปฏิบัติได้จริง โดยหาจุดสมดุลระหว่างการแข่งขันของเอกชน และการคุ้มครองผู้บริโภค
  5. กสทช. ควรสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ปัญหา เยียวยาผู้บริโภคในปัจจุบัน และ ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดอีก ในการแข่งขันบอลโลก ปี 2026

Related Posts

Send this to a friend