กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย สถานการณ์โควิดสายพันธุ์ XFG ยัน ยังไม่พบรายที่มีอาการรุนแรง ย้ำ ควรป้องกันตนเองสม่ำเสมอ
วันนี้ (30 ก.ย. 68) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 พบว่า สายพันธุ์ XFG หรือ Stratus กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์ XFG ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2568 และจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2568 มีรายงานสะสมแล้ว 33 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในเขตสุขภาพที่ 13 จำนวน 23 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และปวดศีรษะ ยังไม่มีรายใดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ขณะเดียวกัน ช่วง 1 เม.ย. – 24 ก.ย. 68 กรมฯ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 แล้ว 608 ตัวอย่าง พบว่าเป็น สายพันธุ์ NB.1.8.1 ร้อยละ 73.7 สายพันธุ์ XEC ร้อยละ 8.7 สายพันธุ์ JN.1 ร้อยละ 6.4 สายพันธุ์ XFG ร้อยละ 5.4 สายพันธุ์อื่น ๆ ร้อยละ 5.7 ปัจจุบันประเทศไทยเผยแพร่ข้อมูลจีโนมของเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ฐานข้อมูลสากล GISAID แล้วกว่า 48,865 ราย
แม้สายพันธุ์ XFG ยังไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรง แต่ควรป้องกันตนเองอย่างสม่ำเสมอ โดยล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม












