PUBLIC HEALTH

พรรคการเมืองหนุนยกระดับสมัชชาฯ เสนอดึง สส.-สว. ร่วมงานปี 69

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์ จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 วันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ภายใต้ประเด็น ‘เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน’ พร้อมจัดเวทีเสวนา ‘อนาคตและโอกาสระบบสุขภาพของคนไทยกับรัฐธรรมนูญฯ ฉบับใหม่’ โดยมีผู้แทนจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาชน เข้าแลกเปลี่ยนทิศทางอนาคตนโยบายสุขภาพของประเทศไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.เพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอเสนอไปยังเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) สำหรับการจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ควรทำหนังสือไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา เพื่อเทียบเชิญและส่ง สส. และ สว. ร่วมเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อมีโอกาสติดตาม และทำความเข้าใจบทบาทและกระบวนการทำงานของ สช. และ คสช.

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งที่ควรบรรจุลงไปในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือการคุ้มครอง และรับรองสิทธิด้านสุขภาพให้คนไทยทุกกลุ่ม เมื่อมีการคุ้มครองสิทธิแล้วจะต้องกำหนดหน้าที่ทั้งในส่วนบุคคล องค์กร ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับมิติทางสุขภาพ หากมีสิทธิแล้วแต่ไม่มีหน้าที่จะไม่นำมาซึ่งสภาพบังคับ

ประการต่อมาคือการกำหนดมิติเรื่องความสัมพันธ์ขององค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนการกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบอย่างเป็นระบบว่าทุกมิติดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ นอกจากนี้ ต้องเพิ่มกระบวนการการมีส่วนร่วมให้ประชาชน และทุกภาคส่วนกำหนดสุขภาพของตนเองได้

ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) และที่ปรึกษาพรรคประชาชน กล่าวว่า อยากเชิญชวนให้สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และ สช. ใช้กลไกรัฐสภาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในมิติของ กมธ.สาธารณสุข เพื่อผลักดันวาระต่าง ๆ ที่มีการรับรองกันภายในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

สำหรับอนาคต และโอกาสของระบบสุขภาพของคนไทยที่ควรมีอยู่ในรัฐธรรมนูญ มีหลักการสำคัญ 5 ป. ได้แก่

1.ปกป้องจากภัยคุกคามต่อสุขภาพ ส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ควบคุมโรคอุบัติใหม่ ป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติและผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์

2.ป้องกันโรคด้วยการสร้างเสริมสุขภาพทุกระดับ สร้างเสริมสุขภาพประชาชน สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพชีวิต และนโยบายสาธารณะที่ดีต่อสุขภาพ

3.ประกันสิทธิถ้วนหน้า ดูแลรักษาสุขภาพคนไทยด้วยการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างถ้วนหน้า มีรูปแบบบริการที่ยืดหยุ่น

4.ประสิทธิผลในการคุ้มครองสุขภาพคนไทย ด้วยระบบการคลังในการดูแลสุขภาพต้องสะท้อนถึงผลลัพธ์ทางสุขภาพของคนไทย ต้องไม่ผลักภาระความเสี่ยงทางการเงินจากการจัดการระบบไปยังผู้ให้บริการ หรือผู้รับบริการ

5.เปิดกว้างสำหรับการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในทุกกระบวนการ ปกป้อง และคุ้มครองสุขภาพคนไทย ทั้งในภาพรวม และแต่ละท้องถิ่น

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ระบุถึงระบบสาธารณสุขไว้ค่อนข้างครอบคลุม ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญเขียนไว้เป็นเพียงหลังคาบ้านใหญ่ ๆ แต่เรามีสิทธิที่จะออกแบบและทำ ต้องยอมรับว่าระบบสาธารณสุขไทยล้ำหน้ากว่ากลุ่มประเทศอาเซียนพอสมควร โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ และยังมีท้องถิ่นที่กำลังเข้มแข็งที่จะเข้ามาดูแลบริการด้านปฐมภูมิ เหลือเพียงรัฐบาลที่จะเข้ามา กับรัฐมนตรีที่จะมาดู จะสามารถปรับปรุงระบบตรงไหนอย่างไร

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สว. และอดีตเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มีประเด็นพูดเรื่องสิทธิอยู่ 12 มาตรา ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ล้ำหน้าไปกว่าสิทธิที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ส่วนตัวอยากเสนอฝ่ายการเมืองที่กำลังผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ย้อนกลับมามองใน 12 มาตรา

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สช. ส่งหนังสือเชิญไปยังทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในระบบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ แต่หลายฝ่ายอาจจะยังไม่เคยสัมผัส หรือยังไม่เกิดการรับรู้ จึงยังไม่เกิดการมีส่วนร่วมจากฝ่ายการเมืองมากนัก

“งานสมัชชาฯ เป็นงานที่ใช้ระยะเวลาและการทุ่มเทอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าหากดึงการมีส่วนร่วมจากสภาฯ และกรรมาธิการได้มากขึ้น ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานทั้งขาขึ้น และขาเคลื่อนในมิติที่เกี่ยวข้องกับการผลักดัน หรือแก้ไข ปรับปรุง ระเบียบกฎหมายต่าง ๆ และนำไปสู่การบอกกับส่วนงานต่าง ๆ ให้นำไปสู่การปฏิบัติต่อไป” เลขาธิการ คสช. กล่าว

Related Posts

Send this to a friend