PUBLIC HEALTH

เตือน ทำงานท่าเดิมนาน ๆ – พักผ่อนน้อย เสี่ยงเกิด ‘ออฟฟิศซินโดรม’ แนะ วางแผนกายภาพบำบัด ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

วันนี้ (16 มิ.ย. 68) นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) หรือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด คือภาวะที่กล้ามเนื้อหดเกร็ง อักเสบ และปวดเมื่อยเรื้อรังบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หลัง และสะบัก อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นผลมาจากการทำงานในท่าทางซ้ำ ๆ เดิม ๆ เป็นเวลานาน โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ

สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดอาการ การนั่งหลังค่อม ก้มหน้า ยื่นคอ หรือยกไหล่ขณะทำงานนาน ๆ ใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ การใช้เมาส์ คีย์บอร์ด หรือโทรศัพท์มือถือในท่าทางเดิม ๆ สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย โต๊ะ เก้าอี้จอคอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) พักผ่อนน้อยและความเครียดทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียดสะสม ขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงและขาดความยืดหยุ่น

ทั้งนี้ หากคุณมีอาการ ปวด ตึง หรือเมื่อยล้ากล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ สะบัก และหลัง อาจมีอาการปวดร้าวขึ้นศีรษะ ปวดกระบอกตา ตาพร่ามัว ชา หรือเหน็บชาบริเวณมือ นิ้วมือ แขน หรือขารวมถึงอาการนิ้วล็อคและนอนไม่หลับ ควรเริ่มใส่ใจสุขภาพ

พญ.ภัทรา อังสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวว่า การกายภาพบำบัดเป็นหนึ่งในการรักษาหลักที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสำหรับออฟฟิศซินโดรม นักกายภาพบำบัดจะประเมินอาการและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อลดอาการปวด ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยมีเทคนิคและเครื่องมือหลากหลาย ดังนี้

1.ลดปวดและลดการอักเสบ การประคบร้อน/เย็น ช่วยลดปวดและคลายกล้ามเนื้อ หรือลดการอักเสบ

2.เครื่องมือทางกายภาพบำบัด ทั้งเครื่องอัลตราซาวด์ (ลดอักเสบ บรรเทาปวด) เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (ลดปวด คลายกล้ามเนื้อ) และเลเซอร์บำบัด (ลดอักเสบ บรรเทาปวด)

3.คลายกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น การนวดบำบัด นักกายภาพบำบัดจะใช้มือคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งและลดจุดกดเจ็บ

4.การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ สอนท่าบริหารที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการตึงรั้ง

5.เสริมสร้างความแข็งแรงและปรับท่าทาง การออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรง เน้นกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน

6.การปรับท่าทางการทำงาน ให้คำแนะนำในการจัดโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ เพื่อลดภาระของกล้ามเนื้อ

7.การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แนะนำ ให้ลุกเดิน เปลี่ยนอิริยาบถเป็นประจำ ไม่นั่งทำงานติดต่อกันนานเกินไป

กายภาพบำบัดเป็นแนวทางการรักษาที่ครอบคลุมและยั่งยืนสำหรับออฟฟิศซินโดรม มุ่งเน้นการแก้ปัญหาจากต้นเหตุ ไม่ใช่แค่บรรเทาอาการชั่วคราว การร่วมมือกับนักกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ปราศจากความปวดเมื่อย และลดโอกาสที่อาการจะกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat