PUBLIC HEALTH

รัฐบาลเตือน โควิด-19 พุ่ง สัปดาห์เดียวติดเชื้อกว่า 8 พันราย

วันนี้ (10 พ.ค. 68) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 8,446 ราย ที่เข้ารับการรักษาทั้งในระบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล การติดเชื้อครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กอายุ 0–4 ปี วัยเรียน วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2568) พบว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ถึง 2 เท่า และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

นายคารมกล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการดูแลตนเองในชีวิตประจำวันเพื่อให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 นั้น ประชาชนควรให้ความสำคัญกับการลดการสัมผัสเชื้อโรค โดยเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อุ่นร้อนเสมอ และใช้ภาชนะแยกเฉพาะ รวมทั้งเลือกซื้อจากร้านที่ได้มาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร นอกจากนี้ การล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นานอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ความเข้มข้นอย่างน้อย 70% ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร ก่อนเข้าบ้าน และก่อนและหลังสัมผัสใบหน้า ถือเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการล้างผักและผลไม้ให้ถูกวิธี เช่น การล้างผ่านน้ำก๊อกที่ไหลผ่านนานเกิน 5 นาที หรือแช่ด้วยเบกกิ้งโซดาหรือน้ำด่างทับทิมก่อนบริโภคหรือเก็บรักษา ตลอดจนการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเหมาะสม โดยบุคคลทั่วไปสามารถใช้หน้ากากผ้าได้ ส่วนผู้ป่วยหรือบุคลากรสาธารณสุขทั่วไปควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหากต้องดูแลผู้มีความเสี่ยงสูงหรือผู้ป่วยโควิด-19 หรือทำการตรวจเชื้อ ควรใช้หน้ากากเอ็น-95 และในกรณีที่ต้องทำหัตถการใกล้ชิด ควรมีเกราะกำบังใบหน้าและสวมชุดพีพีอีครบชุด

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ประชาชนเฝ้าระวังและสังเกตอาการของตนเองและคนใกล้ชิดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้ติดเชื้อสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ตั้งแต่ 2–3 วันก่อนแสดงอาการ โดยอาการป่วยมักจะเริ่มแสดงหลังได้รับเชื้อประมาณ 3–4 วัน ผู้ที่ติดเชื้อควรแยกตนเองจากผู้อื่นอย่างน้อย 5 วัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ยังมีโอกาสแพร่เชื้อได้ถึง 50% และโอกาสดังกล่าวจะลดลงเหลือประมาณ 25–30% ในวันที่ 7 และประมาณ 10% ภายในวันที่ 10 ดังนั้น จึงควรแยกตัวจนกว่าจะไม่มีอาการและตรวจ ATK ซ้ำจนได้ผลเป็นลบ พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในครอบครัวมีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส ควรรีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที เนื่องจากการเข้ารับการรักษาล่าช้าเกิน 48 ชั่วโมง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

Related Posts

Send this to a friend