กรมแพทย์แผนไทยฯ ชี้ นวดผ่อนคลาย-นวดรักษา ต่างกัน
กรมแพทย์แผนไทยฯ ชี้ นวดผ่อนคลาย-นวดรักษา ต่างกัน ย้ำ ก่อนนวดต้องซักประวัติคนไข้ แนะ ควรรู้ข้อห้ามข้อควรระวังก่อนนวด
นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การนวดไทยเป็นกระบวนการดูแลสุขภาพที่ต้องมีองค์ความรู้การนวดตามแนวเส้นประธานสิบ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย สำหรับการนวดไทย แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ การนวดเพื่อผ่อนคลาย หรือนวดเพื่อสุขภาพ เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และการนวดเพื่อการรักษา เพื่อบำบัดรักษาแต่ละกลุ่มอาการ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ นิ้วล๊อค หัวไหล่ติด เข่าเสื่อม อัมพฤกษ์ อัมพาต ส่วนผู้ให้บริการด้านการนวดมี 3 ประเภท
1) ให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ (หมอนวด) เรียน 150 ชั่วโมง อยู่ในกำกับของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปฏิบัติงานในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อสุขภาพ และสปา
2) ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย เรียนตั้งแต่ 330 ชั่วโมง 372 ชั่วโมง 800 ชั่วโมง และ 1,300 ชั่วโมง อยู่ในกำกับของสภาการแพทย์แผนไทย ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล และคลินิก ทั้งภาครัฐและเอกชน
3) แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่มีใบประกอบวิชาชีพ จากสภาการแพทย์แผนไทย ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล และคลินิกทั้งภาครัฐและเอกชน
สำหรับข้อห้ามและข้อควรระวังในส่วนผู้ให้บริการ ได้แก่ ห้ามนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง, ผู้ที่มีไข้สูงเกิน 38.5 องศา, บริเวณที่มีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน, ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ, กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่หายดี และโรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด
ข้อควรระวัง ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ใส่อวัยวะเทียมหลังผ่าตัดกระดูก ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง และ ผู้ที่เพิ่งรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ (ไม่เกิน 30 นาที)