PUBLIC HEALTH

กรมการแพทย์ เตือนผู้สูงอายุ ระวังปัญหาสุขภาพคอ บ่า หลัง แนะ ดูแลอย่างถูกวิธี-รักษาด้ายกายภาพบำบัด

วันนี้ (9 ก.ค. 68) สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ร่างกายย่อมมีการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยและสร้างความไม่สบายตัวอย่างมากคือ อาการปวดคอ บ่า และหลัง ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงอาการปวดธรรมดา แต่เป็นผลรวมจากปัจจัยหลายอย่างที่ซับซ้อน การรักษาด้วยกายภาพบำบัดจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจัย หรือภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่ออาการปวดตามตัว ประกอบด้วย

1.ความเสื่อมของโครงสร้างกระดูกและข้อต่อเมื่ออายุมากขึ้น กระดูกอ่อน หมอนรองกระดูก รวมถึงความหนาแน่นของกระดูกย่อมเสื่อมถอยลง ทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ เช่น โรคข้อกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูก และภาวะกระดูกพรุน นำไปสู่ความปวดและจำกัดการเคลื่อนไหว

2.มวลกล้ามเนื้อลดลงและอ่อนแรง ภาวะกล้ามเนื้อลดลง (Sarcopenia) เป็นเรื่องปกติในผู้สูงอายุ ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงและรักษาสมดุลของกระดูกสันหลัง เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว กล้ามเนื้อคอ บ่า และหลัง อ่อนแอลง ส่งผลให้กระดูกสันหลังต้องทำงานหนักขึ้นและเกิดอาการปวดง่าย

3.ท่าทางที่ไม่เหมาะสม การที่กระดูกสันหลังเสื่อมหรือกระดูกพรุนอาจทำให้เกิดภาวะหลังค่อม ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอ บ่า และหลังส่วนบนทำงานหนักเกินไป รวมถึงการนั่งหรือยืนในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นอาการปวดได้

4.โรคประจำตัวอื่น ๆ โรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเส้นประสาทถูกกดทับ สามารถเป็นสาเหตุของอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรง และอาการที่พบบ่อย ผู้สูงอายุที่มีปัญหาคอ บ่า หลัง มักจะมีอาการปวดเมื่อย ตึง ความยืดหยุ่นลดลง อ่อนแรง ชา หรือเหน็บชาบริเวณที่ปวด รวมถึงอาจมีอาการปวดศีรษะ และพบความผิดปกติของท่าทาง

พญ.ภัทรา อังสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวว่า การกายภาพบำบัดเป็นแนวทางการรักษาที่ครอบคลุมและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาคอ บ่า หลัง โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินสภาพร่างกายและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เน้นความปลอดภัย และเหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วยแต่ละราย ดังนี้

1.ลดอาการปวดและการอักเสบ ใช้การประคบร้อน/เย็น เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดการอักเสบร่วมกับการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น อัลตราซาวด์ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า และเลเซอร์บำบัด เพื่อลดปวดและส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

2.การคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น นักกายภาพบำบัดจะใช้เทคนิคการนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง และสอนท่าบริหารยืดเหยียดที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่ตึงรั้ง

3.เสริมสร้างความแข็งแรงและการปรับท่าทางเน้นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว กล้ามเนื้อคอ บ่า และหลัง รวมถึงการฝึกการทรงตัวและการเดิน เพื่อเพิ่มความมั่นคง ลดความเสี่ยงในการหกล้ม นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำเรื่องท่าทางที่ถูกต้องในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อลดภาระต่อกระดูกสันหลัง

4.การปรับสภาพแวดล้อม และช่วยแนะนำอุปกรณ์ เช่น การเลือกใช้หมอนและที่นอนที่เหมาะสม ใช้ไม้เท้าหรือวอล์คเกอร์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงในการหกล้ม

สำหรับข้อควรพิจารณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือ เริ่มต้นออกกำลังกายและรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ทำงานร่วมกันทั้งผู้ป่วย ญาติ แพทย์ และนักกายภาพบำบัด ดูแลปัญหาคอ บ่า หลังอย่างถูกวิธี ช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ลดอาการปวดได้นานขึ้น

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat