PUBLIC HEALTH

‘โรคแอนแทรกซ์’ ยันไม่ติดต่อจากคนสู่คน ชี้ช่องทางแพร่เชื้อ 3 ทาง แนะวิธีสังเกตอาการ-ป้องกัน

วันนี้ (7 พ.ค. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเกี่ยวกับโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) ว่าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ดินและน้ำ โดยสปอร์ของเชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและสามารถก่อโรคได้นานหลายสิบปี โดยเฉพาะในดินที่มีซากสัตว์ตายด้วยโรคนี้ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลการติดต่อจากคนสู่คน ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

รองโฆษกฯ กล่าวว่า สัตว์ที่เป็นพาหะส่วนใหญ่คือ โค กระบือ แพะ และแกะ โดยสัตว์ที่ติดเชื้อจะมีไข้ ซึม ไม่กินอาหาร เจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุและเสียชีวิต การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสหนังสัตว์หรือขนสัตว์ที่มีสปอร์ของเชื้อ

เชื้อโรคแอนแทรกซ์สามารถแพร่สู่คนได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางแรก คือการสัมผัสจากการชำแหละสัตว์ที่ป่วยตาย โดยสปอร์ของเชื้อเข้าสู่บาดแผลหรือรอยถลอก อาการจะเริ่มแสดงหลังสัมผัสโรคประมาณ 1-7 วันหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเชื้อและผู้ได้รับเชื้อ เริ่มจากเป็นตุ่มที่ผิวหนัง ตามด้วยตุ่มน้ำใส และแตกออกเป็นแผลหลุมสีดำคล้ายรอยบุหรี่จี้ หากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและกระจายไปตามกระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้ ทางที่สอง คือการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ป่วยตายแบบดิบหรือปรุงไม่สุก ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีอาการไข้สูง ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการอาหารเป็นพิษ หากไม่ได้รับการรักษา อาจติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ และทางที่สาม ซึ่งพบได้น้อยกว่า คือการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป โดยเชื้ออาจปนเปื้อนบริเวณที่สัตว์ป่วยหรือเสียชีวิตและคงอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือปี ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ หายใจลำบาก หน้าเขียวคล้ำ และอาจเสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลว

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมถึงการป้องกันโรคแอนแทรกซ์ว่า กรมควบคุมโรคแนะนำให้ประชาชนสวมถุงมือในการชำแหละหรือปรุงเนื้อสัตว์ และล้างมือให้สะอาดเพื่อลดการปนเปื้อน ควรปรุงอาหารให้สุกเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย และเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่เชื่อถือได้และได้มาตรฐาน หากพบอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ในกรณีที่สัมผัสเชื้อแต่ยังไม่มีอาการป่วย แพทย์อาจให้ยาป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

Related Posts

Send this to a friend