KNOWLEDGE

เสวนาเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล ชี้ คอนเทนต์ขยะ นำไปสู่ความรุนแรงในสังคม ทำสังคมปั่นป่วน

เด็กเสี่ยงเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ-มองเป็นเรื่องปกติ ขอทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ปัญหา ผู้จัดการกองทุนสื่อชี้ ต้องยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ บูรณาการทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะด้านกฎหมาย นักวิชาการ แนะ สร้างคอมมูนิตี้สแตนดาร์ด รณรงค์ให้ผู้รับสารเข้าใจ และเลือกรับสารที่ดี

วันนี้ (15 ม.ค. 68) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับ The Reporters จัดเสวนาเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล ป้องกันภัยไซเบอร์ “คอนเทนต์ขยะกับการสร้างความรุนแรงในสังคม” โดยมี ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 และ ผศ.ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดีด้านวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนาถึงปัญหาคอนเทนต์ขยะ นำไปสู่ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อได้ง่าย

ดร.ธนกร กล่าวว่า ยุคที่คอนเทนต์เข้ามามากมายมหาศาล แต่เรากลับมีภูมิต้านทานที่อ่อนแอ เรื่องที่พูดถึงนี้มองว่าเราสามารถยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติได้ เพราะส่งผลกระทบทั้งลึกและกว้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สื่อมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงความคิดและนำไปสู่พฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงในอนาคต พร้อมเน้นย้ำว่าการจัดการปัญหานี้ต้องเป็นนโยบายระดับชาติ ไม่สามารถพึ่งพา พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ควรมีหน่วยงานกำกับดูแลและมาตรการทางกฎหมายที่ชัดเจน

“ขยะยังรีไซเคิลได้ แต่คอนเทนต์ขยะไม่สามารถรีไซเคิลได้และเป็นขยะพิษที่ทำลายสังคมในทุกรูปแบบ” ดร.ธนกร กล่าว

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราดูทีวีกันน้อยลง ผู้คนเปิดรับสื่อผ่าน YouTube และ TikTok มากขึ้น ส่งผลให้คอนเทนต์ขยะที่ดูเหมือนไม่ผิดกฎหมายแต่แท้จริงแล้วมีความผิดทางกฎหมายแพร่กระจายมากขึ้น เช่น คอนเทนต์ที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือการนำภาพลามกอนาจารมาประกอบคอนเทนต์ที่เข้าข่ายมาตรา 14(4)

นอกจากนี้ การเผยแพร่ ส่งต่อ แนบลิงก์เว็บพนัน หรือภาพลามกอนาจาร ถือเป็นความผิดตามมาตรา 16 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณ์ ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ในการขยายคอนเทนต์ขยะอย่างมาก โดยในปี 2567 มีคดีออนไลน์มากกว่า 370,000 เคส มูลค่าความเสียหายกว่า 37,000 ล้านบาท อาชญากรรมออนไลน์ได้พัฒนาจาก Facebook ไปสู่กลุ่ม LINE และล่าสุด TikTok กำลังเป็นช่องทางใหม่ในการเผยแพร่คอนเทนต์ขยะ แม้จะได้รับความร่วมมือจากแพลตฟอร์ม แต่การจัดการยังล่าช้า ขณะนี้มีสายตรวจไซเบอร์เพื่อตรวจสอบเว็บพนัน คอนเทนต์ขยะ และอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม กรณีของแก๊งน้ำไม่อาบแสดงให้เห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์มีส่วนสำคัญต่อผู้คน ขณะที่หลายคนที่เคยต้องโทษอยู่ในห้องขัง เมื่อออกมาผันตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ทำคอนเทนต์ ก็มีคนตามเป็นแสนเป็นล้าน นำเรื่องในห้องขังที่เคยประสบพบเจอมาเล่าจนมีผู้คนติดตามจำนวนมาก ดังนั้นอินฟลูเอนเซอร์จึงมีส่วนสำคัญ จะทำอย่างไรให้อินฟลูเอนเซอร์ถึงเลิก อะไรที่ยอดวิวดี ยิ่งทำใหญ่ ซึ่งเราก็ต้องปิดกั้นให้ได้

ผศ.ดร.สกุลศรี กล่าวว่า กล่าวว่า สถานการณ์คอนเทนต์ขยะในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถสร้างเนื้อหาในแบบของตนเองได้ ความต้องการสร้างยอดเอนเกจเมนต์สูงทำให้บางคนผลิตคอนเทนต์ที่เน้นความรุนแรงหรือสร้างความรู้สึกตื่นเต้นเพื่อดึงดูดผู้ชม ซึ่งส่งผลให้เนื้อหาดังกล่าวแพร่กระจายและได้รับผลตอบแทนเป็นเม็ดเงิน

ในเชิงจิตวิทยา คอนเทนต์ประเภทนี้มีผลกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม โดยเฉพาะความรุนแรงที่ทำให้คนต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา ผู้ผลิตคอนเทนต์จึงมองว่าสิ่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจได้ จึงพยายามนำเสนอความรุนแรงในมุมที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ชม โดยเฉพาะเยาวชนและวัยรุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังเรียนรู้และหล่อหลอมอัตลักษณ์ของตนเอง ถูกชักจูงให้ทำตามเพื่อแสวงหาการยอมรับจากสังคม เมื่อเห็นว่ามีคนสนับสนุนก็จะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และอาจพัฒนาไปสู่พฤติกรรมที่รุนแรงมากขึ้นตามความต้องการของผู้ชม สิ่งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน (Demand-Supply) ในการสร้างและบริโภคคอนเทนต์ขยะ ดังนั้น สังคมต้องตั้งคำถามว่า เราควรหยุดดูหรือหยุดความอยากรู้เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มยอดวิวและสนับสนุนคอนเทนต์ที่เป็นอันตรายต่อสังคม ผศ.ดร.สกุลศรียังเสนอว่าการสร้างเครือข่ายครีเอเตอร์ที่มีคุณภาพและการให้ความรู้กับผู้รับสารเป็นวิธีการป้องกันปัญหานี้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน

คอนเทนต์แกล้งกันในมีเดียแรกเริ่มมาจากการแกล้งเบา ๆ พอเริ่มเก่าเริ่มตกจึงหาอะไรที่แปลกใหม่เข้ามาใส่ ทำให้มีการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ที่น่างกังวลคือมีเด็กบางคนที่ติดตามแล้วนำไปเลียนแบบจนถึงขั้นเสียชีวิตก็มีมาแล้ว บางประเทศจึงมีความพยายามคุยกับแพลตฟอร์มเพื่อเข้าไปสกรีนสิ่งเหล่านี้ เด็กเห็นคอนเทนต์คนตีกัน ตบกันหลังโรงเรียน เด็กไม่ได้ชอบ แต่แค่เข้าไปดูว่าคืออะไร อัลกอริทึมจึงบันทึกจนเสนอคลิปเหล่านี้มากขึ้น นำไปสู่การเสพคอนเทนต์ความรุนแรงจนเด็กคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคม

ดร.ธนกร ชี้ว่ากองทุนไม่ใช่องค์กรบังคับใช้กฎหมาย เป็นเพียงองค์กรขับเคลื่อน และรณรงค์ บ้านเรายังเปิดฟรีทำอะไรก็ได้โดยไม่รับผิดชอบ ลำพัง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อาจจัดการอะไรไม่ได้ ต้องคุยว่าแพลตฟอร์มจะเอาอย่างไร รณรงค์อย่างเดียวไม่พอ มาตรการทางกฎหมายต้องบังคับใช้ เสรีภาพในการทำสิ่งแย่ ๆ ไม่ใช่อิสรภาพที่ทำให้คนพ้นทุกข์ หรือทำให้สังคมมีความสุข ทำสังคมซึมศร้ากัน ใครจะรับผิดชอบ ถึงเวลาหรือยังที่สังคมจะต้องตื่นตัว และเข้าใจว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ

ผศ.ดร.สกุลศรี ให้ข้อเสนอแนะว่า เราต้องสอนวิธีการในการเลือกและสร้างสรรค์ ต้องให้เครือข่ายครีเอเตอร์น้ำดีรวมตัวกัน มีองค์กรวิชาชีพภายใต้การรวมตัวของครีเอเตอร์มาดูแล สร้างคอมมูนิตี้สแตนดาร์ด รณรงค์ให้ชัดเจน ให้ความรู้กับแฟน ๆ ที่ติดตามเข้าใจว่าคอนเทนต์ขยะไม่ใช่แค่ความรุนแรง แต่ยังทำให้สังคมนี้ปั่นป่วนเกิดความวุ่นวาย สุดท้ายคนที่เลือกให้คอนเทต์ขยะอยู่ต่อหรือไม่ก็คือผู้รับสาร ต้องทำให้ผู้รับสารเข้าใจ และเลือกรับสารที่ดี การบังคับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปลายทาง ต้องควบคู่กับการป้องกันระยะยาวโดยแก้ที่ต้นทาง เป็นเรื่องที่สังคม และทุกฝ่ายต้องช่วยกัน

Related Posts

Send this to a friend