ชิ สุวิชาญ ศิลปินกะเหรี่ยงกล่าวว่า กิจกรรมวันนี้มอง 2 เป้าหมายคือเรื่องการระดมทุน เพราะชาวบ้านที่อพยพกลับขึ้นไปนั้นเพราะต้องการตายในแผ่นดินเกิด จึงกลับไปทำมาหากินและปักหลักใหม่ การเริ่มต้นจึงยากลำบากเพราะไม่มีทุน ขณะเดียวกันกิจกรรมที่จัดขึ้นแสดงให้เห็นว่าศิลปะเป็นรูปธรรมจับต้องได้ โดยเป็นสะพานให้สังคมได้ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านบางกลอย นอกจากนี้เรายังต้องการสื่อสารให้สังคมเข้าใจชาวบ้านบางกลอย เราคาดหวังว่าเสียงที่ส่งออกไปให้สังคมได้ยิน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเรายืนอยู่ชาวบ้านบางกลอย
น้ำ คีตาญชลีกล่าวว่า รู้สึกชีวิตผูกพันกับป่าแก่งกระจานมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อพาไปเดินป่า และตนเองก็เป็นคนเพชร ซึ่งพ่อก็สนิทกับคนกะเหรี่ยงจนเกิดปัญหาชาวบ้านบางกลอย และพ่อเล่าให้ฟังตั้งแต่เฮลิคอปเตอร์ตก แต่เป็นข้อมูลที่ประชาชนไม่รู้ ซึ่งตนได้ไปเล่นดนตรีที่บางกลอยล่าง ได้เห็นชีวิตและคติของกะเหรี่ยงที่ขัดแย้งกับที่สื่อหลักรายงาน ปัญหาสำคัญคือกฎหมายขัดแย้งมนุษยธรรม โดยเฉพาะเรื่องถิ่นที่อยู่ของชาวบ้าน ที่กฎหมายผลักให้เขาเป็นอื่น
“เรารู้สึกสะเทือนใจเรื่องนี้ตลอดมา อยากให้มองใจเขา ใจเรา คุณอยู่บ้านแต่ถูกเผา วันนี้คุณจะกลับบ้านแต่กลับถูกห้าม ถูกอุ้มหาย”น้ำ กล่าว