‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ เห็นชอบกฎกระทรวงฯ พื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการ เห็นชอบการออกกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณต่างๆ เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อาทิ แหลมกลัด อ่าวใหญ่และเกาะหมาก จ.ตราด ,เกาะเปริด จ.จันทบุรี , เกาะทราย เกาะขี้นกและเกาะสะเดา จ.ประจวบคีรีขันธ์ , เกาะไข่ จ.ชุมพร , หมู่เกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ , เกาะสะเก็ด จ.ระยอง ,หมู่เกาะพยาม จ.ระนอง
นอกจากนี้ยังเห็นชอบการประกาศกฎกระทรวง ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณพื้นที่เขตปกครองพิเศษพัทยา จ.ชลบุรี , พื้นที่ตำบลปากคลอง จ.ชุมพร และพื้นที่ตำบลธงชัย ตำบลแม่รำพึง จ.ประจวบคีรีขันธ์
ด้าน ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พื้นที่คุ้มครองทางทะเล 1+8 ในปีนี้ 1 คือเกาะกระ จ.นครศีธรรมราช ซึ่งกฎกระทรวงได้ประกาศออกมาเป็นทางการแล้ว ส่วนอีก 8 พื้นที่คุ้มครองมีการระดมความคิดเห็นหลายครั้ง จนผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการทะเลจังหวัด ขณะนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการทะเลแห่งชาติฯ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว
ผศ.ธรณ์ ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยได้กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG14) ว่า ต้องมีพื้นที่คุ้มครองทางทะเล 10% หรือ 32,000 ตารางกิโลเมตร ภายในปี 2030 ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) และหลายประเทศทั่วโลก กำลังคุยกันว่า อาจต้องไปให้ได้ถึง 30% เพื่อคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่า ต้องมีพื้นที่คุ้มครองทางทะเลถึงเกือบ 1 แสนตารางกิโลเมตร
ผศ.ธรณ์ ทิ้งท้ายว่า ประเด็นนี้ต้องสร้างระบบนำเสนอพื้นที่ และการดูแลหลังประกาศ ยังถึงทำความเข้าใจกับประชาชนและคนใช้ทะเลว่า พื้นที่คุ้มครองไม่ได้ห้ามทุกอย่าง เพียงแค่กำหนดมาตรการที่เหมาะสม ไม่ให้มีกิจกรรมที่รบกวนทะเลมากเกินไป
