ENVIRONMENT

TEI ร่วมกับ TBCSD และ BEDO ร่วมสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ

TEI ร่วมกับ TBCSD และ BEDO ผนึกกำลังร่วมสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ดันเศรษฐกิจไทยสู่ระบบนิเวศที่ยั่งยืน

วันนี้ (27 พ.ค. 68) สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) ร่วมจัดงานสัมมนาและแถลงข่าว “Business for Biodiversity” ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พร้อมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมผลักดันภาคธุรกิจไทยให้มีบทบาทเชิงรุกในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

การรวมพลังของทั้ง 3 หน่วยงาน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนเห็นถึง “ความหลากหลายทางชีวภาพ” ในฐานะทรัพยากรเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง และเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ–สังคมของประเทศ โดยมุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรธุรกิจ หน่วยงานรัฐ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมขับเคลื่อนแนวคิด Business for Biodiversity อย่างเป็นรูปธรรม

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธาน องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) กล่าวเปิดงานว่า ภาคธุรกิจไทยเริ่มให้ความสำคัญกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น หลังจากเผชิญวิกฤตสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในหลายภาคอุตสาหกรรม โดย TBCSD มีเป้าหมายผลักดันให้แนวคิดด้านความหลากหลายทางชีวภาพผนวกอยู่ในกลยุทธ์องค์กรและแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนของสมาชิกทั้ง 46 องค์กรในเครือข่าย

ด้าน ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญระดับประเทศระดับภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบหลากหลายรูปแบบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยประเด็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ วิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Loss) นับเป็น 1 ใน 3 วิกฤตฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมของโลกควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหามลภาวะ ซึ่ง “ความหลากหลายทางชีวภาพ” (Biodiversity) นับว่าเป็น “ต้นทุนทางเศรษฐกิจ” ที่มีความสำคัญอย่างมากและต้องได้รับการดูแล ฟื้นฟู อนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน แต่เมื่อเราทราบว่าในอนาคตจะเกิดวิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นนั้น องค์กรภาคธุรกิจไทยควรที่จะต้องเริ่มนำแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเข้าไปผนวกอยู่ในแผนการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมอันเป็นกุญแจสำคัญสู่ระบบนิเวศที่ยั่งยืน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการแข่งขันในอนาคต ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึง การเข้าถึงกลไกการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ อีกด้วย”

ขณะเดียวกัน Ms. Eva Zabey CEO Business for Nature กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนประเทศไทยและได้ร่วมสนับสนุนงานที่ทั้งทางภาครัฐและภาคธุรกิจกำลังดำเนินการเพื่อปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นการผนึกกำลังที่เข้มแข็งแสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยมีขั้นตอนที่ชัดเจนที่ภาคธุรกิจสามารถนำไปดำเนินการได้ ตั้งแต่การพัฒนากลยุทธ์ด้านธรรมชาติไปจนถึงการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ซึ่งมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ โดยการต่อยอดจากความร่วมมือในปัจจุบันนี้ประเทศไทยสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทั้งในด้านนโยบายและระดับปฏิบัติการที่ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดย Business for Nature มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนและขยายผลของงานสำคัญในครั้งนี้”

ในส่วนของ Mr. Joe Phelan Executive Director, Asia Pacific, World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) กล่าวว่า “การแก้ปัญหาการสูญเสียธรรมชาติมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศและความเท่าเทียม การหยุดยั้งและฟื้นฟูธรรมชาติยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อความยืดหยุ่นและการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวของภาคธุรกิจ เมื่อความคาดหวังต่อภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ความเสี่ยงจากการไม่ลงมือทำก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ”

นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) กล่าวว่า หน่วยงานพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนในการวางระบบจัดการความหลากหลายทางชีวภาพเชิงกลยุทธ์ เพื่อผลักดันให้ความหลากหลายทางชีวภาพไม่ใช่เพียงต้นทุนสิ่งแวดล้อม แต่เป็น “โอกาสทางธุรกิจใหม่” ในยุคเศรษฐกิจฐานธรรมชาติ

เวทีเสวนาในงานยังเปิดพื้นที่ให้องค์กรธุรกิจชั้นนำ เช่น Dow, SCG, EGCO, ปตท.สผ., อายิโนะโมะโต๊ะ และ ปตท.สผ. แสดงแนวปฏิบัติที่ดีในการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพเข้าสู่กระบวนการดำเนินงานขององค์กร

Dow Thailand เดินหน้าฟื้นฟูป่าชายเลนมาตั้งแต่ปี 2552 และยกระดับเป็น “Thailand Mangrove Alliance” ร่วมกับภาครัฐ-ชุมชน

SCG ใช้กรอบ TNFD ประเมินความเสี่ยงจากธรรมชาติ เสริมความเข้มแข็งแผนกลยุทธ์สู่ “Nature Positive”

EGCO วางแนวทางจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแบบครบวงจรทั่วทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ

ปตท.สผ. ขับเคลื่อนโครงการ “Ocean for Life” มุ่งอนุรักษ์ระบบนิเวศทะเล ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชายฝั่ง

Ajinomoto ผนวก Biodiversity เข้ากับห่วงโซ่อุปทานอาหาร เพื่อสร้างระบบผลิตอาหารที่ยั่งยืน และเป้าหมาย Net Zero ปี 2050

ในช่วงท้ายของงานมีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมระหว่าง TEI–TBCSD–BEDO ที่จะเดินหน้าสร้าง “เครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ” ในประเทศไทย โดยจะเป็นพื้นที่กลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวปฏิบัติ และพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนภาคธุรกิจให้สามารถจัดการความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับบทบาทภาคเอกชนในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat