นักวิชาการเชียงราย ห่วงพบสารหนู-สารตะกั่วเพิ่มในแม่น้ำสาย-แม่น้ำโขง ห่วงเป็นไข้ดำ

วันที่ 21 พ.ค.68 The Reporters พูดคุยกับ ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ ผศ.ดร. เสถียร ฉันทะ อาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กรณีสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (จังหวัดเชียงใหม่) รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ และคุณภาพตะกอนดิน ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นผลในรอบเดือนเมษายน 68 พบ นอกจากสารหนูที่เกินมาตรฐานในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงแล้ว ยังพบสารตะกั่วเกินมาตรฐานในแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงเพิ่มด้วย
ดร.สืบสกุล กล่าวว่า ในแม่น้ำกก พบสารหนูเกินมาตรฐานมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ที่น่าสนใจคือ สำนักสิ่งแวดล้อมฯที่ 1 เผยผลตรวจเดือนเมษายน แม่น้ำสาย 3 ของจ.เชียงราย ทั้งแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง พบสารหนูเกินมาตรฐาน ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะน้ำไหลลงแม่น้ำโขง ซึ่งในรัฐฉานฝั่งเมืองท่าขี้เหล็ก ก็มีการทำเหมืองด้วย
ผศ.ดร.เสถียร เชื่อว่า สารปนเปื้อนมีมาก่อนหน้านี้ แต่ไทยเพิ่งมาตรวจ และพบว่าน่าห่วงเพราะน้ำกก น้ำรวก น้ำสาย ที่ไปลงแม่น้ำโขง ตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึงปากแม่น้ำโขง เราเจอสารหนู ไม่ได้อยู่จุดใด จุดหนึ่ง แต่อยู่ในระบบนิเวศแม่น้ำ เป็นการแพร่กระจายของสารปนเปื้อนทั่วทั้งลุ่มน้ำแล้ว
ดร.สืบสกุล ระบุว่า สิ่งที่ต้องตระหนักมากกรณีการตรวจตะกอนดิน พบว่ามีปัญหามาก ผลกระทบความน่ากลัวเพราะการตรวจเจอในตะกอนดิน มีปัญหากับสัตว์ในน้ำจะหายไป และจะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ปลากินสัตว์หน้าดิน สะสมโลหะหนัก แล้วเราจะไปกินปลา สัตว์หน้าดินเราจะหายไป ปริมาณปลาจะหายไป ปลากินโลหะหนัก แล้วเราไปกินปลาที่มีโลหะหนัก ก็จะเป็นอันตรายสุขภาพ ซึ่งผลจากการพบสารหนูและสารตะกั่วในตะกอนดินในแม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ก็จะส่งผลให้มีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้า และอาจเป็นไข้ดำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช
ดร.เสถียร กล่าวย้ำว่า การพบสารปนเปื้อนในตะกอนดินมีปัญหามากที่สุด จึงกังวลระบบนิเวศที่เป็นห่วงโซ่อาหาร สารพวกนี้ถ้าสะสม จะถ่ายทอดจากอาหารที่เป็นพิษ จะสะสมในปลา เราก็กินสารพวกนี้ไปด้วย อาจไม่เยอะตอนนี้ แต่ถ้ากินบ่อยสะสม ถ้าเป็นชาวบ้านที่หากินกับแม่น้ำตลอด เป็นความเสี่ยงสูง เป็นสิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ถ้ายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ อันตรายมาก
“ปริมาณที่พบมากที่สุดที่เก็บตัวอย่างคือสารหนู เรามีบทเรียนมาจากร่อนพิบูลย์ ปรากฏว่าชาวบ้านรับสารปนเปื้อน ต่อเนื่องมา 7-8 ปี เริ่มป่วย และตรวจพบคนแรกเป็นไข้ดำ มีตุ่มดำที่ผิวหนัง กลายเป็นมะเร็ง ที่เกิดจากสารหนูที่ร่อนพิบูลย์ ชาวบ้านจึงต้องมีความรู้ จะได้ระวังตัว”
ผศ.ดร.เสถียร กล่าวด้วยว่า การพบสารตะกั่วในแม่น้ำสาย ทั้ง 3 จุด ก็พบสารหนู ยิ่งเป็นอันตราย อย่างที่เกิดขึ้นกับบ้านคลิตี้ กาญจนบุรี จนทุกวันนี้ยังฟื้นฟูไม่ได้ และเมื่อพบสารปนเปื้อนทั้งลำน้ำ ต้องจัดระบบการตรวจสอบทั้งระบบนิเวศ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตร ที่พบว่า ข้าว มีการดูดซับสารหนูได้ดี จึงต้องตรวจพืชผลการเกษตรว่าเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ และตรวจตัวอย่างที่ไหนบ้าง เป็นข้อมูลสำคัญที่จะให้ความรู้กับประชาชน เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ในการรับมือโลหะเหล่านี้ เพราะยังไม่สามารถจัดการต้นทางได้ ต้องระวังสุขภาพ ระบบนิเวศ และพืชผลการเกษตรต้องระวัง
ดร.สืบสกุล เปิดเผยข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกพืชในจังหวัดเชียงราย แม่น้ำกกมีพื้นที่เกษตร 6,290 ราย พื้นที่เพาะปลูกกว่า 67,000 ไร่ ปลูกข้าว 29,000 ไร่ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ เอาไปตรวจ แต่ผลยังไม่รู้ ทำให้เกษตรกรที่ใช้แม่น้ำกก เริ่มเป็นกังวล ซึ่งการประชุมล่าสุด จะต้องหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อการเกษตรด้วย เช่นเดียวกับน้ำประปา
ผศ.ดร.เสถียร เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย บอกว่าจะหาแหล่งน้ำสำรองไว้ด้วย โดยเฉพาะน้ำประปา ในแม่สายใช้แม่น้ำสายเป็นน้ำประปา ซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะอาจไม่ได้มีเพียงสารหนูและตะกั่ว แต่อาจมีสารตัวอื่นที่จะมีด้วย เช่น ไซยาไนต์ ที่ละลายในน้ำได้ แต่สารหนูละลายไม่ได้ เชื่อว่าสารพวกนี้ไม่ได้มาจากเหมืองทอง อาจมาจากแร่แรร์เอิร์ธ