ENVIRONMENT

กลุ่ม Saveหาดแม่รำพึง บางสะพาน จี้ ยกเลิกสร้างกำแพงกันคลื่นหาดแม่รำพึง

กลุ่ม Saveหาดแม่รำพึง บางสะพาน ยื่น 411 รายชื่อประชาชน จี้ ผู้ว่าฯ ประจวบ ยกเลิกสร้างกำแพงกันคลื่นหาดแม่รำพึงความยาว 966 เมตร

วันนี้ (18 เม.ย. 65) นายนราวิชญ์ กิตติพงศ์ธนกิจ ตัวแทนประชาชนกลุ่ม Saveหาดแม่รำพึง ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรายชื่อประชาชนที่เสนอชื่อคัดค้านโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นหาดแม่รำพึง จำนวน 411 รายชื่อ เพื่อยกเลิกโครงการดังกล่าว โดยระบุว่า โครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นแม่รำพึง เป็นโครงการที่ไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการเนื่องจากพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างไม่มีการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง และโครงการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศชายหาดแม่รำพึง และทำให้ชายหาดแม่รำพึงหายไปอย่างถาวร โดยขอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด โดยมีนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับหนังสือแทน พร้อมได้ให้ตัวแทนที่มาร่วมยื่นหนังสือเข้าร่วมพบปะหารือ

โดยภายหลังจากการหารือระหว่างตัวแทนประชาชน Saveหาดแม่รำพึง กับทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถสรุปได้ว่า ทางจังหวัดจะประสานกรมโยธาธิการเพื่อเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นหาดแม่รำพึง รวมถึงรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น(IEE) ต่อเครือข่ายประชาชน Saveหาดแม่รำพึง ภายใน 15 วัน และทางจังหวัด จะเป็นคนกลางในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง และประชาชนในพื้นที่เพื่อหารือและแสวงหาข้อยุติของโครงการนี้โดยเร็วที่สุด

พร้อมยังระบุต่อไปว่า การที่ประชาชนในพื้นที่เข้ามายื่นหนังสือถึงจังหวัดในวันนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีการถ่วงดุล ติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่

ด้านนายนราวิชญ์ กิตติพงศ์ธนกิจ ตัวแทนประชาชนกลุ่ม Saveหาดแม่รำพึง ระบุภายหลังจากการเข้าหารือว่า เครือข่ายประชาชน Saveหาดแม่รำพึง พึงพอใจกับการที่ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะเร่งดำเนินการเป็นคนกลางในการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อยุติโครงการดังกล่าวโดยการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่

อีกทั้งยังกำชับว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ต้องรับฟังข้อมูลทางวิชาการ และฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่ เพราะบทเรียนที่ผ่านมาจากหลายพื้นที่การก่อสร้างกำแพงกันคลื่นสร้างความเสียหายต่อชายหาด และชุมชน รวมถึงส่อให้เห็นการใช้งบประมาณภาษีของประชาชนที่ไม่คุ้มค่าและสร้างคว่ามเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม โดยย้ำว่าหลังจากนี้ทางเครือข่ายจะติดตามการดำเนินการของจังหวัดอย่างใกล้ชิด

Related Posts

Send this to a friend