‘GISTDA’ หนุนใช้ Lidar ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก-บริหารจัดการคาร์บอน

วันที่ 5-6 มิ.ย. 68 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้จัดแคมเปญการใช้เทคโนโลยีไลดาร์ Lidar มาสนับสนุนภารกิจด้านป่าไม้เพื่อการสำรวจคาร์บอน ภายใต้ธีม “Beyond The Journey Carbon, Community, Mapping The Future” โดยนำสื่อมวลชนทุกแขนงลงพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ดูวิธีการใช้งานเทคโนโลยีไลดาร์ต่อยอดการสำรวจคาร์บอนจากป่าไม้เพื่อเป็นกลไกที่สนับสนุนให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทยโดยความสมัครใจ และสามารถนำปริมาณการลดการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนเครดิตมาใช้ในภาคสมัครใจได้ โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้นอกจากสื่อมวลชนแล้ว GISTDA ยังจับมือพันธมิตร ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ และเตรียมต่อยอดการใช้งานตามภารกิจของหน่วยงาน
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า ที่ผ่านมา GISTDA ได้มีการดำเนินโครงการการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในภาคป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รองรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต ติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่สีเขียว และพัฒนาฐานข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนในภาคป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน ด้วยเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์ม Carbon Atlas เพื่อเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนของประเทศไทย และนำไปสู่การจัดทำรายงานแห่งชาติ (National Communication : NC) และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี (Biennial Update Report : BUR) สำหรับการดำเนินงานด้านการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608
ดร.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า ข้อมูล และระบบที่เกิดจากโครงการดังกล่าว นอกจากจะใช้ประโยชน์ในเรื่องของการบริหารจัดการคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังสนับสนุนการบริหารจัดการป่าไม้ ไฟป่า และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาชีวมวลในพื้นที่ป่าไม้ และเกษตรกรรม ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทของประเทศ นอกจากนี้ GISTDA ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งได้ประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกป่า ป้องกันไฟป่า และเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน รวมถึงมีความร่วมมือในการพัฒนาแบบจำลองการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ร่วมกันในอนาคต ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้เป็นแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับป่าชุมชนเพื่อสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตตาม Standard T-VER และ Premium T-VER
สำหรับปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความซับซ้อน ดังนั้นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ อุปกรณ์เครื่องมือที่ล้ำสมัยในการจัดเก็บข้อมูลภาคสนาม เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยน เชื่อมโยงองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความท้าทายต่าง ๆ รวมถึงนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานในทุกภาคส่วน ในการพัฒนานวัตกรรมติดตาม ตรวจสอบ และรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณคาร์บอน ที่แม่นยำ ครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ทั้งนี้ ดร.ปกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน GISTDA กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการสำรวจคาร์บอนเครดิตในรูปแบบของการวัด และสำรวจคาร์บอนโดยการใช้คน หรือ MRV ไปสู่การสำรวจในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า DMRV (Digital Monitoring, Reporting, Verification) ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยในการเก็บข้อมูลภาคสนาม เช่น เครื่อง 3D Scanner, LiBackpack และโดรน LiDAR ทำให้สามารถตรวจสอบ ติดตามปริมาณคาร์บอนในภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้อย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานสากลต่อไป ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ทำให้สื่อมวลชนได้เห็นรูปแบบการทำงานของเครื่องมือไลดาร์อย่างเต็มรูปแบบ และเห็นถึงศักยภาพต่อการนำไปใช้งานในด้านสิ่งแวดล้อม และด้านธุรกิจต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมปลูกป่า และกิจกรรมเรียนรู้ชีววิถีของชุมชนที่ฟาร์มพีระพล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อีกด้วย