ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา อ่างเก็บน้ำ 4 เขื่อนหลัก ประกอบไปด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่สำคัญของลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำน้อย โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การรวมเพียง 4,500 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ฤดูแล้งปี 2562/2563 นี้ มีน้ำไม่เพียงพอต่อ “การสนับสนุนการเกษตร” ซึ่งภาครัฐได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดทำนาปรัง เนื่องจากจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับ “การอุปโภค-บริโภค” และ “รักษาระบบนิเวศ” ประมาณ 3,500 ล้าน ลบ.ม.
ซึ่งตอนนี้ระบายน้ำตามแผนมาแล้ว 1,200 ล้าน ลบ.ม. ยัง ต้องระบายน้ำมาอีกกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง 2,300 ล้าน ลบ.ม. และต้องเก็บน้ำที่เหลือสำรองเอาไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2563 จ้านวน 1,000-2,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ปัจจุบันเกษตรกรกลับทำนาปรังไปแล้วกว่า 2 ล้านไร่ ท้าให้เกษตรกรสูบน้ำจากคลองชลประทานจนน้ำผลิตประปาไม่เพียงพอ
ซึ่งตามแผนนั้นต้องส่งน้ำผ่านคลองไปให้สำหรับโรงผลิต น้ำประปาดังเช่นที่เกิดขึ้นแล้วในจังหวัดลพบุรี ทำให้ปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนในฤดูแล้งปี 2563 นี้ อาจเกิดการสูบน้ำออกไปจากระบบเพิ่มมากขึ้น การประปาหลายแห่งที่ใช้น้ำจากคลองชลประทานอาจเกิดปัญหาขาดน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย