ENERGY

ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ เผยการเปลี่ยนผ่านพลังงานเป็นเทรนด์สำคัญทั่วโลก

ดันยอดขายเติบโต 4 เท่าในปีงบประมาณที่ผ่านมา แนะ เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เชื่อ ความต้องการพลังงานเพิ่มมหาศาล – เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นหัวใจสำคัญเชื่อมโยงพลังงานหมุนเวียน-ความมั่นคงด้านพลังงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืน

ดร.วรวุฒิ วรุตตมพรสุ Country Managing Director (กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย) บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีระดับโลกด้านพลังงานไฟฟ้า เปิดเผยว่า โลกกำลังมุ่งสู่เป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ด้วยการขับเคลื่อนโดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเป็นสมาร์ทกริดและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับในประเทศไทยเอง เรามีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน พ.ศ. 2593 และล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้เปิดตัวนโยบาย ‘Quick Big Win’ เพื่อกำหนดมาตรการสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสิ่งแวดล้อมและการวางแผนพลังงาน โดยเร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ภายใน 4 เดือนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 (จากเดิมตั้งเป้าหมายในปี พ.ศ.2608) ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศให้เป็น Digital Hub รองรับ Data Center และการพัฒนาด้าน AI

“ความต้องการพลังงานในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ Data Center จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจ และประเทศ การจัดการพลังงานหมุนเวียนทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การผลิต การส่งผ่าน การจัดเก็บ การเฝ้าติดตาม และการคาดการณ์จะมีความสำคัญอย่างมาก การเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ และเอกชนให้ความสำคัญ ทำให้อุตสาหกรรมพลังงาน และการบริหารจัดการพลังงานเติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วงที่ผ่านมา” ดร.วรวุฒิ กล่าว

กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายของฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ทั่วโลก) เติบโตขึ้นถึง 4 เท่าตัวในปีงบประมาณที่ผ่านมา (เมษายน 2568 – มีนาคม 2569) โดยบริษัทได้เริ่มขยายการผลิตเพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตดังกล่าว โดยมีแผนการลงทุน 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี พ.ศ.2564-2570 เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นอกจากระบบ และโครงสร้างพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานแล้ว ยังต้องมีการบริหารจัดการที่ดีที่ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ทั้งระบบ และสามารถวิเคราะห์คาดการณ์ รวมถึงป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย

หัวใจสำคัญอยู่ที่เทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยให้พลังงานหมุนเวียนมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จะทำให้การจัดการแหล่งผลิตพลังงานที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นไปอย่างแม่นยำ เช่น Grid Automation ช่วยในการวิเคราะห์และปรับสมดุลโหลดไฟฟ้าทันทีที่เกิดความผันผวนในแบบเรียลไทม์ รวมไปถึง การใช้ประโยชน์จาก AI & Data Analytics ช่วยในการบริหารอุปสงค์ และอุปทาน (Demand–Supply) ได้อย่างอัจฉริยะ ดังนั้น ดิจิทัลจึงกลายเป็น ‘สะพานเชื่อม’ ระหว่าง Renewables (พลังงานสะอาด) กับ Reliability (ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า) ซึ่งเป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านพลังงานในยุคใหม่ของประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศอย่างแท้จริง

ดร.วรวุฒิ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ระดับโลกในเทคโนโลยีพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ จึงมีโซลูชันและนวัตกรรมครบวงจร พร้อมด้วยบริการที่ช่วยจัดการอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมให้เป็นดิจิทัล และตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานของผู้ประกอบการ อาทิ

Grid-enSure™ เทคโนโลยีล้ำหน้าที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความเสถียร ยืดหยุ่น และประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทำให้สามารถแปลง ควบคุม และบริหารจัดการทิศทางการจ่ายพลังงานภายในกริดได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย

EconiQ™ มาตรฐานใหม่แห่งกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Equipment) ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ใช้ก๊าซ SF₆ แต่ยังคงประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยเทียบเท่าอุปกรณ์แบบดั้งเดิม

Grid-eXpand™ สถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบสำเร็จรูป ที่สามารถประกอบ ติดตั้ง และเชื่อมเข้ากับระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสร้างสถานีขนาดใหญ่ใหม่ทั้งหมด ใช้งานครอบคลุมทุกความต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่กระจายตัวและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Service โซลูชันบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุของสินทรัพย์ ตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ การติดตั้ง การทดสอบ และการบำรุงรักษา ไปจนถึงการยืดอายุการใช้งานและการจัดการเมื่อสิ้นสุดอายุอย่างเป็นระบบ ด้วยการผสานเทคโนโลยี IoT ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้แบบแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า และวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Predictive Maintenance) เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของระบบไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความต่อเนื่อง

“เราเตรียมจะนำเทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืนของเราไปจัดแสดงที่งาน IEEE PES GTD Asia 2025 ระหว่างวันที่ 27–29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูธ C1 บูธแรกหน้าทางเข้า Hall 2 ชั้น G ขอเชิญผู้สนใจร่วมเรียนรู้เพิ่มเติม และชมเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำหนดอนาคตของ Energy Transition อย่างแท้จริงได้ในงานครับ” ดร.วรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend