‘นัสรี ตูแก’ ยันไม่ได้ก่อเหตุยิงสามเณร ไม่เคยรับสารภาพ มีหลักฐานไปทำพาสปอร์ตวันเกิดเหตุ
วันนี้ (26 เม.ย.68) The Reporters ลงพื้นที่ ม.3 บ้านบาลา ต.ดอกรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังจากได้รับร้องเรียนจากครอบครัวของนายนัสรี ตูแก ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี และมีเพจสื่อโซเชียลมีเดีย มีการเผยแพร่ภาพกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิง สามเณร วงศกร ชูมาปาน ที่หน้าวัดกุหร่า ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 เม.ย.68
นายอูมา ตูแก และ น.ส.ยาวียะห์ อาแว พ่อและแม่ของ นายนัสรี เปิดเผยว่า อยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย เพราะหลังถูกเชิญตัวไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก็กลับมีการแชร์ภาพในโซเชียลมีเดียกล่าวหาว่าลูกชายก่อเหตุยิงสามเณร ที่สะบ้าย้อย ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย
น.ส.ยาวียะห์ เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 23 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่ทหารมาที่บ้าน แล้วควบคุมตัว นายนัสรี ในขณะที่กำลังดูแลย่าที่หน้าบ้าน แม่ก็ตกใจ เพราะทหารมาปิดล้อมบ้าน มาแจ้งควบคุมตัวอ้างว่าเพื่อนซัดทอดแต่ไม่บอกว่าเหตุไหน แล้วนำตัวไปที่ สภ.ตุยง เพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังจากนั้นสอบสวนเสร็จเขาก็พาไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยไม่ได้แจ้งข้อหาหรือบอกอะไร
นายอูมา กล่าวว่า ตนได้ถามตำรวจ สภ.ตุยง ว่าจับกุมลูกชายเพราะอะไร ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องของทหารมาควบคุมตัวด้วย พรก.ฉุกเฉิน แล้วนำตัวไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร พ่อแม่ยังไม่ได้คุยอะไรในวันนั้น ทหารก็นำตัวลูกไปที่ค่ายอิงคยุทธฯ
แม่เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนั้นหลังลูกชายถูกนำตัวไปที่ค่ายอิงคยุทธฯ ญาติบอกว่า เห็นข่าวหรือไม่ มีการแชร์กันในโซเชียล ว่าลูกเราไปก่อเหตุยิง สามเณร ตนเองก็ตกใจ และมั่นใจว่าลูกไม่ใช่คนก่อเหตุแน่นอน
พ่อและแม่ของนายนัสรี ยืนยันว่า ในคืนวันก่อนเกิดเหตุวันที่ 22 เม.ย.68 ลูกชายก็นอนอยู่ที่บ้าน เพราะมีอาการเป็นไข้ แม่ยังเอายาพาราให้กิน และนวดลูก ก่อนที่เช้าตรู่เวลา 07.00 น. แม่ก็ปลุกว่าลูกต้องไปทำพาสปอร์ตนะ และลูกชายก็ออกจากบ้านในเวลา 08.00 น. ไปทำพาสปอร์ต ที่ ศอบต.จ.ยะลา เดินทางประมาณ 45 นาที โดยแม่ได้นำใบเสร็จค่าทำหนังสือเดินทาง จำนวนเงิน 1,000 บาท ลงเวลา 09.04 น. วันที่ 22 เม.ย.68 มายืนยันว่า ในช่วงเช้าวันนั้น ลูกนอนอยู่บ้านที่ ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และไปทำหนังสือเดินทางที่ จ.ยะลา ไม่มีทางที่จะเดินทางไปก่อเหตุ ที่ ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งต้องใช้เวลาไปกลับ 2 ชม. ไม่มีทางจะเดินทางไปทำหนังสือเดินทางได้อย่างแน่นอน
“ช่วงเกิดเหตุยิง สามเณร น้องอยู่บ้านตลอด ที่นี่ห่างจาก วัดกุหร่า อ.สะบ้าย้อย ห่างกันเกือบ 1 ชม. ไม่มีทางเป็นไปได้ เราพร้อมหาหลักฐานมายืนยัน จะไปขอกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่”
แม่เปิดเผยว่า ขณะนี้นายนัสรี ถูกควบคุมตัวมา 3 วันแล้ว ในศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธฯ ซึ่งวันแรกที่ไปเยี่ยมน้องไม่ได้คุยเยอะ เพราะมีเจ้าหน้าที่ด้วย แม่ก็ไม่กล้าถามเยอะ กลัวลูกจะเป็นอะไรไหม ก็ถามเรื่องสุขภาพทั่วไป เพราะลูกชอบเป็นไซนัส ชอบปวดฟัน แต่ในวันที่ 2-3 แม่ก็ตั้งใจถามให้ชัดเจน เพราะแม่อยากขอความเป็นธรรมให้ลูก
“วันนี้ได้สอบถามเยอะมาก ว่าอยู่ในห้องเป็นไงบ้าง เมื่อวานเขาบอกแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก วันนี้ดีขึ้น เพราะห้องแออัดไม่มีรูระบายอากาศ ต้องหายใจบนรู ทำให้แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก”
แม่เปิดเผยว่า ได้ถามลูกชายว่ารู้ไหมว่าลูกโดนคดีอะไรบ้าง แล้วบอกลูกว่าโดนคดียิง สามเณร ลูกก็ตกใจ เพราะไม่รู้ตัวว่าโดนคดีนี้ แม่พยายามบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่าลูกถูกกล่าวหา และถูกโจมตีในเฟซบุ๊กหนักมาก ถูกกล่าวหาว่ายิงเณร และยังบอกว่ารับสารภาพอีก ซึ่งลูกได้ยินก็ตกใจและหน้าซึมๆไปเลย
“ลูกยืนยันว่าไม่ได้พูดรับผิด ถามแล้ว ลูกยืนยันไม่ได้รับผิด หรือรับสารภาพตามที่มีการแชร์ข่าวด้วย และยืนยันไม่ได้ทำผิดยิง สามเณร เรื่องที่ข่าวออกมาเป็นสมาชิก BRN น้องก็ไม่รู้เรื่อง”
แม่ของนายนัสรี กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรม อยากให้คนที่แชร์โพสต์ข่าวของลูกในทางที่เสียหาย อยากให้คิดให้ดีว่า ถ้าเป็นลูกพี่น้องของเรารู้สึกอย่างไร ทั้งที่เขาไม่ได้ทำจะรู้สึกยังไง จึงอยากขอความเป็นธรรมให้นัสรีด้วย เรื่องนี้ยังไม่ดำเนินคดีด้วยซ้ำ ต้องขอร้องว่าอย่าทำแบบนั้นเลย
พ่อของนัสรี เปิดเผยด้วยว่า ได้เข้าเยี่ยมลูก ก็พบว่าลูกชายเครียดตั้งแต่วันแรก พ่อจึงอยากขอสื่อไปถึงคนที่แชร์ข่าวว่า ขอให้ความเป็นธรรมกับลูกด้วย
“ผมยืนยัน 100% รับประกันได้ วันนั้นผมไปทำงาน 7 โมงเช้าลูกยังนอนอยู่ที่บ้าน เป็นไปไม่ได้ลูกจะไปก่อเหตุที่สะบ้าย้อยไปกลับ 2 ชม. แล้วมานอนอยู่บ้านตอนเช้า และข่าวที่ลงไปได้อย่างไร ไม่เป็นความจริงเลย”
พ่อแม่ของนายนัสรี ยอมรับว่าทุกคนเสียใจเหมือนเรา ครอบครัวเราก็ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียสามเณรด้วย แต่เราก็อยากขอความเป็นธรรมให้ลูกด้วย พวกเพจที่ใส่ร้าย อยากให้รู้ความจริง ว่าลูกเราไม่ได้ทำ ขอให้หยุดแชร์ หยุดใส่ร้ายเถอะ
นายเจะเดร์ อาแว ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 เปิดเผยว่า ตนเองเป็นน้าชายของนายนัสรี ตอนเกิดเหตุเดินทางไปที่นครเมกกะ แต่ทราบข่าวก็ตกใจ และเสียใจที่หลานชายถูกใส่ร้าย ถูกโจมตี ในฐานะน้าชายก็เสียใจ ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ก็เสียใจเพราะหากเกิดกับชาวบ้านทุกคน ก็เสียหาย
“ผมได้ถามแม่เขา เวลาเกิดเหตุ นัสรี อยู่บ้าน วันนั้นแกไม่สบาย แล้วปลุกไปทำพาสปอร์ต ผมเสียใจ ที่มาเกิดเหตุในหมู่บ้าน มาปิดล้อมบ้านเขาโดยยังไม่มีหลักฐาน มีสิทธิขนาดไหนที่ทำแบบนั้น เพราะต้องหาความจริงก่อน จึงอยากถามว่า ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหนกับความมั่นคง ไม่ใช่จะเขียนอะไรก็ได้ อยากให้ภาครัฐระมัดระวัง แล้วจะเชื่อได้ไหมคนที่ถูกจับไปจะเป็นจริงไหม โกหกทั้งนั้นเลย ถ้าลูกหลานคุณเอาไปในค่าย ไปลูบหลังหรือตบหัว ถ้านัสรี ทำจริงๆ ผมจะไม่ว่า เขาผิดจริง ก็ให้จับตัวไปเลย”
ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 กล่าวว่าอยากฝากไปถึงพวกไอโอ ก็ต้องหยุดเถอะ ถ้าแน่จริงมาพูดกับตน มาถาม ถ้ามีหลักฐานชัดเจน ก็ให้เอาหลักฐานมาดำเนินการ กรณีนี้ทาง ศอบต.ที่ออกพาสปอร์ต ก็ยืนยันได้ ขอฝากไปถึงคนที่กล่าวหาเลิกทำเถอะ ตนยืนยันได้ว่า นัสรี ไม่ได้ก่อเหตุ
“ผมขอยืนยันว่านายนัสรี ไม่ได้ทำผิด ครอบครัวใครๆก็รัก ถ้าผิดจริง เอาตัวไปเลย ถ้าไม่ผิด อย่าจับไปเลย ต้องคิดว่าถ้าสักวัน เป็นลูกหลานเราจะเป็นยังไง”
พ่อแม่ของนายนัสรี รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ยังได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวของสามเณร วงศกร ชูมาปาน และอยากให้จับกุมคนที่ทำกับสามเณร เพราะเห็นใจครอบครัวที่ต้องรู้สึกเหมือนเรา
ขณะที่ น.ส.สุกัญญา บุญสนิก ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านท่าดาน ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก็มายืนยันด้วยว่า นายนัสรี เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ชอบยิ้ม เวลาเจอก็จะเป็นคนแบบนี้ไม่ได้ก้าวร้าว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่พิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพราะที่ ต.ดอนรัก ชุมชนพุทธและมุสลิม ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมาโดยตลอด ไม่อยากให้มีการจับตัวคนผิด แล้วสร้างความรู้สึกแตกแยกขึ้น
ทั้งนี้พ่อและแม่ของนายนัสรี ยังได้นำหนังสือเดินทางตัวจริง ที่ไปทำเมื่อวันที่ 22 เม.ย.68 ที่ส่งไปรษณีย์มาถึงที่บ้าน มายืนยันว่า ในวันเกิดเหตุนายนัสรี ไปทำหนังสือเดินทางจริง จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย
รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย