คนร้ายซุ่มยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ลอบวางระเบิดซ้ำดัก จนท.เข้าตรวจสอบพื้นที่

คนร้ายวางแผนซุ่มยิงชาวบ้านหาหมู่ป่าเสียชีวิต 2 ลอบวางระเบิดซ้ำดักเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (4 ส.ค. 65) พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พ.อ.ภาคิน เกื้อกูล ผบ.ฉก.กรม ทพ.48 ร.ต.อ.สุริยัน จันทร์น้ำใส รอง สว.สอบสวน สภ.สุไหงปาดี เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ 2 จุด

จุดที่ 1 เป็นเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงคนหาหมู่ป่าเสียชีวิต 2 ราย คือ นายสิทธิพล ฮกฮิ้น 42 ปี อาสาสมัครรักษาหมู่บ้านโคกโก ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และนายแพน ทองรมย์ 40 ปี อดีตอาสาสมัครทหารพราน อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.6 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เหตุเกิดบริเวณทางเดินในร่องสวนยางพาราบ้านบาตูบือแน ม.5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี เมื่อเวลา 19.05 น ของวันที่ 3 ส.ค.65.

จุดที่ 2 ห่างจากจุดแรก ประมาณ 2 ก.ม.เป็นเหตุคนร้ายลอบจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4811 กรมทหารพรานที่ 48 ริมถนนในหมู่บ้านลาแลลูรัส ม.7 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานนั่งโดยสารรถยนต์หุ้มเกราะรีวา ไปปิดกั้นเส้นทางผ่านไปยังจุดเกิดเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงคนหาหมู่ป่าเสียชีวิต เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุในช่วงเช้า แต่โชคดีเจ้าหน้าที่ทหารพรานนั่งรถยนต์ผ่านจุดเกิดเหตุไปก่อนหน้าแล้ว ประมาณ 15 เมตร จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 3 ส.ค. 65

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุแรก พบร่างนายสิทธิพล และ นายแพน มีร่องรอยถูกกระสุนปืน เอ็ม.16 จ่อยิงที่ศีรษะ คนละ 1 นัด และพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 10 ปลอก และมีรถ จยย.ล้มตะแคงอยู่ 2 คัน ซึ่งแต่ละคันห่างจากศพผู้เสียชีวิตประมาณ 3 เมตร คันแรกเป็นรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาวชมพู ทะเบียน ขฉค 106 นราธิวาส คันที่ 2 เป็นรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงินเทา ทะเบียน กษร 696 นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ร่วมเดินทางมากับพวกรวม 5 คน ใช้รถ จยย. 4 คัน เพื่อเดินทางมาหาหมูป่า โดย 3 คนแรกได้แยกย้ายไปหาหมู่ป่าคนละจุดกับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน จนกระทั่ง 3 คนแรกสามารถจับหมูป่าได้แล้ว ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ทราบจึงได้แยกย้ายเพื่อเดินทางกลับไปยังจุดนัดพบ และในระหว่างที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เดินลงจากป่าเพื่อมาขี่รถ จยย.กลับนั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคาดว่าน่าจะรอดักซุ่มอยู่ เมื่อพบผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน คนร้ายได้บุกชาร์จแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะคนละ 1 นัด จนเสียชีวิต จากนั้นเพื่อนอีก 3 คน ได้ยินเสียงปืนผิดปกติ จึงได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน แต่ไม่มีผู้ใดรับสาย 1 ใน 3 จึงได้ตะโกนถาม คนร้ายได้ยินเสียงตะโกนจึงใช้อาวุธปืน เอ็ม.16 สุ่มยิงไปยังบุคคลทั้ง 3 และก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีได้หยิบอาวุธปืนพก ขนาด .22 และอาวุธปืนลูกซอง ของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ 2 พบที่บริเวณกลางถนนลาดยางมะตอย มีหลุมระเบิด กว้าง 1.50 เมตร ลึก 1 เมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ พ.อ.ภาคิน เกื้อกูล ผบ.ฉก.กรม ทพ.48 ทราบข่าวกรณีมีเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 คน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 4811 เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งปิดกั้นเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านที่ใช้ถนนบนเส้นทางดังกล่าว และในระหว่างเดินทางถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด ที่ลอบเจาะผิวถนนแล้วนำระเบิดไปซุกไว้บริเวณกลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่โชคดีรถยนต์หุ้มเกราะรีวาของเจ้าหน้าที่ขับผ่านไปก่อนจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 15 เมตร จึงทำให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยและรถยนต์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

แหล่งข่าวจากเหน่วยความมั่นคง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าเป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ กลุ่มนายตอเย็บ เมทาลง ซึ่งเคยก่อเหตุบุกยิงพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรภาพพร้อมพระลูกวัด รวม 2 รูป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา