BUSINESS

ไทย สมายล์ พ้อ ตั้งใจยกระดับ ‘รถเมล์ไทย’ มั่นใจ ‘ทำถูกต้อง’ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอจากรัฐ

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถประจำทางนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า ไทยสมายล์บัส และเรือไฟฟ้า ไทยสมายล์โบ๊ท ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เปิดเผยว่า หลังจากดำเนินการมาได้ปีกว่า ไทยสมายล์บัสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนรถที่ให้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จากเดิม 800 คัน เป็นกว่า 2,200 คัน ให้บริการใน 123 เส้นทาง โดยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 300,000 คนต่อวัน แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ มากมาย

“บางคนมองว่าเราเป็นรถแอร์ ค่าโดยสารคงจะแพง ทั้งๆ ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 20 บาท และมีอัตราพิเศษสำหรับบัตรโดยสาร ซึ่งคิดเพียงสูงสุดต่อวันเพียง 40 บาท ซึ่งจะนั่งกี่เที่ยวก็ได้ใน 24 ชั่วโมง และสามารถใช้ได้กับรถและเรือของเรา บางคนก็ยังจำเลขสายรถเมล์ใหม่ไม่ได้ หรืออ่านป้าย LED บนรถเมล์ของเราไม่ทัน เราจึงต้องเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือบางครั้งบนเส้นทางที่เราได้สัมปทานทั้ง 123 เส้น กลับมีบางเส้นทางถูกรถเมล์อื่นวิ่งทับสาย ทำให้แม้จะเติบโตแต่ก็ยังห่างจากเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก” กุลพรภัสร์ กล่าว

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 66 นี้ ไทยสมายล์กรุ๊ปเตรียมเปิดตัวรถเมล์ไฟฟ้า แบบรถร้อน (รถ EV สีส้ม) จำนวน 60 คัน โดยในเฟสแรกจะให้บริการ 10 เส้นทางด้วยราคา 10 บาท ตลอดสาย

“รถเมล์ไฟฟ้าแบบรถร้อนนี้จะเป็นครั้งแรกในไทย หรือเรียกเป็นคันแรกในโลกก็ได้ เพราะยังไม่เคยมีใครทำรถเมล์ไฟฟ้าเป็นรถร้อนมาก่อน เนื่องจากระบบรถเมล์ไฟฟ้าต้องใช้ระบบทำความเย็นเพื่อลดความร้อนของไฟฟ้า แต่เราต้องทำ เพื่อให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์ และนโยบายของภาครัฐที่ระบุว่า ผู้ได้รับสัมปทานต้องมีรถร้อนให้บริการตามความต้องการของประชาชน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งไทยสมายล์บัส มีปณิธานในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม การจัดหารถร้อนที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจึงไม่ใช่ทางเลือกของเรา ทำให้เราต้องจัดหา และปรับปรุงรถเมล์ไฟฟ้าเย็นมาให้บริการเป็นรถร้อนเพื่อให้ถูกต้องตามกฏระเบียบที่มี” กุลพรภัสร์ กล่าว

CEO ไทยสมายล์ อธิบายว่า กฎที่ว่าต้องมีรถร้อนด้วยเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน เป็นเรื่องที่กำหนดมาตั้งแต่ปี 2520 ผ่านมา 46 ปีแล้ว อากาศก็ร้อนขึ้น โลกก็ร้อนขึ้น มลพิษ-ฝุ่น PM2.5 ก็เพิ่มขึ้น และระบุว่าตนเองก็อยากถามเหมือนกันว่า ได้ถามประชาชนหรือไม่ว่าอยากนั่งรถแอร์ หรือรถร้อน ทำไมคนที่มีรายได้น้อยกว่าถึงไม่มีสิทธิเข้าถึงบริการขนส่งที่มีคุณภาพ

“รัฐมีโครงการต่างๆ มากมาย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่ทำไมจึงไม่ให้โอกาสเราสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทย ให้ทุกคนได้มีสิทธิในการเข้าถึงการขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันหมายถึงการเป็นมิตรต่อสุขภาพของประชาชนในอนาคตบ้าง หากรัฐ subsidize ในแบบที่ทำให้เราเองก็สามารถอยู่ได้ และทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการที่ดี และไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมอันจะส่งผลต่อภาพรวมของสิ่งแวดล้อมของทั้งเมือง และประเทศ จะไม่ดีกว่าหรือ แล้วทำไมเราไม่เคยได้รับโอกาสเหล่านั้นเลย ทั้งๆ ที่ไทยสมายล์ลงทุนไปกว่าสองหมื่นล้านแล้วเพียงเพื่ออยากเห็นช่องว่างในสังคมน้อยลง และลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม” กุลพรภัสร์ ย้ำ

ในส่วนของปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนแจ้งปัญหาเข้ามา เรารับฟังทุกวัน และพยายามนำมาปรับปรุงให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องป้ายบอกสถานที่ ป้ายสายรถ กัปตันเมล์ (พนักงานขับรถ) ขับรถออกขวาไม่จอดรับผู้โดยสาร ฯลฯ แต่ก็ต้องยอมรับว่าวงการรถเมล์ไม่ง่ายเลยจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเราพยายามทำตามระเบียบ แต่มีบางคนไม่ทำ เส้นทางที่เราได้รับสัมปทานยังมีผู้มาวิ่งทับซ้อนเส้นทางอยู่มาก โดยล่าสุดพบว่า ขสมก. จะยุติการเดินรถที่ทับซ้อนให้ 5เส้นทางคงเหลืออีก 33 เส้นทางที่มีการวิ่งทับซ้อนกันอยู่

“อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้มองเห็น “ประชาชน” เป็นที่ตั้งจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด และไม่ต้องซักถามว่าเป็นใครมาจากไหน เป็นคนของใคร” กุลพรภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับไทยสมายล์บัส ปัจจุบันให้บริการด้วยรถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 100% มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสามารถติดตามรถได้แบบ real time มีความปลอดภัยสูง รองรับการให้บริการคนพิการ และผู้สูงอายุที่ใช้วีลแชร์ ค่าบริการเริ่มต้น 20 บาท และหากใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน HOP Card จะได้รับสิทธิประโยชน์ค่าโดยสารสูงสุดต่อวัน 40 บาทไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ให้บริการใน 123 เส้นทาง คาดว่าจะเพิ่มจำนวนให้บริการเป็น 3,100 คันได้ภายในปี 2567 ส่วนไทยสมายล์โบ้ท ให้บริการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% ให้บริการทั้งสิ้น 35 ลำ

Related Posts

Send this to a friend