อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผุด Green Package หนุนการจัดอีเวนต์รักษ์โลก
อิมแพ็ค เมืองทองธานี หนุนจัดอีเวนต์รักษ์โลก เปิดตัว “Green Package” เพื่อกระตุ้นการจัดงานยั่งยืนทุกประเภททั้งประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต โดยลดการใช้อุปกรณ์ไม่จำเป็น เช่น งดใช้ผ้าคลุมโต๊ะ เก้าอี้ในการจัดประชุม งดใช้หลอดพลาสติก ไม่ใช้ขวดน้ำพลาสติก และจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ในปริมาณที่เหมาะสม กับจำนวนผู้เข้าร่วมงาน เป็นต้น
พร้อมกันนี้จัดให้มีการรายงานข้อมูล คาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา ปริมาณของเสีย ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) เป็นต้น โดยจะมีการเก็บและติดตามผลตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันเตรียมพื้นที่ก่อนงานเริ่ม ระหว่างการจัดงาน จนถึงการรื้อถอน โดยตั้งเป้าเปลี่ยนผู้จัดงาน ให้หันมาจัดงานเทรนด์ใหม่ หวังลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการจัดงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า ปัจจุบันยอดจองพื้นที่จัดงานประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ตกลับมาเติบโตขึ้น โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา(มกราคม-สิงหาคม2566) มียอดจัดงานในพื้นที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ไปแล้วกว่า 421 งาน ส่วนช่วง 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ (กันยายน-ธันวาคม 2566) มียอดจองพื้นที่รวมทั้งการจัดประชุม งานเลี้ยง งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต เข้ามาแล้วกว่า 200 งาน สำหรับปี2566 (เม.ย.2566 – มี.ค.2567)คาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ในปี2562 แบ่งเป็นรายได้จากการบริการ ให้เช่าพื้นที่งานแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม การจัดคอนเสิร์ตประมาณ 2,000 ล้านบาทและธุรกิจอาหารเครื่องดื่มประมาณ 1,000 ล้านบาท
ปัจจุบันแนวทางของผู้จัดงานประชุม สัมมนา อีเวนต์ทั่วโลกเปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับการจัดงานแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น ซึ่ง อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถือเป็นศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมรายแรกของประเทศไทย ที่วางแนวทางปฎิบัติ สำหรับการจัดงานแบบยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ที่เกิดจากการจัดงาน พร้อมๆ กับสร้างการเติบโต ให้แก่ธุรกิจควบคู่กันไป โดยเมื่อเดือนตุลาคมปี 2565 ได้เปิดตัวแพ็กเกจ “IMPACT Sustainable Meeting” รองรับกลุ่มผู้จัดงานประชุม สัมมนาที่ต้องการจัดงานในรูปแบบยั่งยืน ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้จัดงาน โดยสามารถลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไปแล้วกว่า 663.38 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 40 ต้น
“ปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกการจัดอีเวนต์ ทั้งอีเวนต์ส่วนตัว ครอบครัว อีเวนต์องค์กร อีเวนต์การตลาด อย่างงานวันเกิด ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ งานเปิดตัวสินค้า ไปจนถึงอีเวนต์ใหญ่ๆ เชิงธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์ (Meeting, Incentive, Convention, Exhibition) ที่สร้างรายได้อันดับต้นๆ ให้แก่ประเทศ มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง อิมแพ็ค เมืองทองธานี ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงาน ที่สามารถลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้จัดงาน หันมาจัดงานแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น”
และล่าสุดได้เปิดตัว “Green Package” เพื่อรองรับผู้จัดงานแบบยั่งยืน ที่กว้างขึ้นในทุกประเภท ทั้งการจัดประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า นิทรรศการ คอนเสิร์ต โดยการจัดงานของ “Green Package” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1.การให้บริการสถานที่ อุปกรณ์สำหรับการจัดงานอย่างยั่งยืน ลดการใช้อุปกรณ์ไม่จำเป็น เช่น งดใช้ผ้าคลุมโต๊ะ เก้าอี้ในการจัดประชุม งดใช้หลอดพลาสติก ไม่ใช้ขวดน้ำพลาสติก และควบคุมเครื่องปรับอากาศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2.อาหารและเครื่องดื่ม โดยจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนผู้เข้าร่วมงาน เลือกรับประทานเมนูมังสวิรัติ หรือโปรตีนจากพืช กรณีที่จำนวนอาหารเหลือ จากการจัดงานมีบริการจัดสรร แบ่งปันอาหารบริจาคให้แก่มูลนิธิต่างๆ
3.รายงานข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) โดยจะมีการเก็บและติดตามผลตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันเตรียมพื้นที่ก่อนงานเริ่ม ระหว่างการจัดงานจนถึงการรื้อถอน เช่น ข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา ปริมาณของเสีย ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) เป็นต้น เพื่อจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งหลักเกณฑ์การคำนวณ และรูปแบบรายงานนี้ อ้างอิงจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและ กำกับดูแลทั้งจาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) (อบก.) ทั้งนี้ผู้จัดงานสามารถนำรายงานดังกล่าว ยื่นขอรับรองกิจกรรมชดเชยคาร์บอน ต่อองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) (อบก.) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดก๊าซเรือนกระจก
ผลจากการเปิดตัว “Green Package” จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจัดงาน อย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนลูกค้า ที่หันมาจัดงานแบบยั่งยืน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา และจะสามารถลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน