BUSINESS

‘สมโภชน์ อาหุนัย’ แนะภาครัฐ-เอกชน ร่วมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตของภูมิภาค

คุยกับ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ เรื่องพลังงานสะอาด และการเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตเป็นคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า พร้อมแนะภาครัฐ-เอกชน ร่วมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตของภูมิภาค

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (Energy Absolute Public Company Limited: EA) กล่าวถึงการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่จะสร้างคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วในหลายประเทศ มองประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่อยากค้าขายคาร์บอนเครดิตด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โครงการเกิดขึ้น

ภาคขนส่ง เป็นภาคที่มีการปล่อยการเรือนกระจกมากที่สุด โดยประเทศไทยการปล่อยมากถึง 250 ล้านตันต่อปี คิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในไทย ถ้าเราต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงต้องมองถึงการผลิตพลังงานสะอาดเพื่อใช้ในการขนส่งมากขึ้น รถสาธารณะเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด จึงเข้าไปจับมือกับ ‘ไทยสมายล์บัส’ ซึ่งมีโครงการที่ต้องการเปลี่ยนรถเมล์จากที่ใช้น้ำมันดีเซล มาเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

นายสมโภชน์ กล่าวว่า การซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศเป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากประเทศที่รับคาร์บอนเครดิตจะต้องยอมรับ และประเทศที่ขายจะต้องยอมปล่อย ตามขั้นตอน COP26 ให้ถูกต้อง ดังนั้นจึงเข้าไปคุยกับรัฐบาลถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนรถขนส่งสาธารณะให้ใช้พลังงานไฟฟ้า เมื่อภาครัฐเห็นด้วย จึงเข้าไปประสานกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ผ่านมูลนิธิ Klik Foundation

KliK Foundation เป็นมูลนิธิที่เกิดขึ้นเพื่อจัดการกิจกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเงินที่ได้จากกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนหนึ่ง จะนำไปส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกอีกทาง ขณะเดียวกัน เงินที่ได้จากส่วนหนึ่ง ก็นำไปซื้อคาร์บอนเครดิตจาก EA ขณะที่ EA นำเงินจากการขายคาร์บอนเครดิตไปพัฒนาโครงการรถขนส่งสาธารณะพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่มาที่ไปในภาพรวมของโครงการ

นายสมโภชน์ กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 ไม่มีใครพูดถึงเรื่อง PM 2.5 แม้จะมีการพูดถึงเรื่องเผาป่า แต่เมื่อมาเทียบกับปัจจุบัน สิ่งที่หายไปคือบริบทของรถยนต์บนท้องถนน ดังนั้น จึงเชื่อว่าต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิด PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครมาจากรถยนต์ และรถหลักที่ทำให้เกิด PM 2.5 มาจากรถใหญ่ รถประจำทาง รถขนส่ง และรถจักรยานยนต์ จึงเป็นที่มาที่ทำให้เรามองเห็นถึงการเข้าไปเปลี่ยนรถประจำทาง เชื่อว่าถ้าเปลี่ยนได้สภาพอากาศและคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับการขายคาร์บอนเครดิตระหว่างกันในประเทศ เป็นเหมือนการขายเข้ากระเป๋าซ้ายไปขวา เนื่องจากการจดบัญชีจะเท่าเดิม ไม่ได้มีบวกหรือลบเพิ่มเติม แต่เมื่อขายข้ามประเทศ กฎเกณฑ์จะต้องมีความชัดเจน เนื่องจากฝั่งหนึ่งต้องยอมปล่อย และฝั่งหนึ่งต้องยอมที่จะรับ เช่นประเทศไทย หากขายออกไป 100 ล้านตัน ก็ต้องหาวิธีมาเพิ่มให้ได้อีก 100 ล้านตัน เพื่อมาชดเชย ดังนั้นการขายจึงอาจเป็นเหมือนการเพิ่มภาระให้กับประเทศมากขึ้น การขายข้ามประเทศจึงเป็นเรื่องยาก

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

เมื่อถามว่านอกจากประเทศไทยแล้ว มีบริษัทหรือประเทศอื่นที่ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศอยู่จำนวนมากขนาดไหน นายสมโภชน์ ให้ข้อมูลว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูง การจะทำคาร์บอนเครดิตให้ได้จำนวนมากมาทดแทนเวลาอันสั้นจึงทำไม่ค่อยได้ ดังนั้นประเทศกลุ่มดังกล่าวจึงต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากประเทศกำลังพัฒนามาทดแทน ขณะที่ไทยใช้เวลาเพียง 2 ปี สามารถผ่าน ครม. เพื่อซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต เพราะเล็งเห็นถึงผลประโยชน์หลายส่วนที่ตามมา

อย่างไรก็ตาม นายสมโภชน์เห็นว่าการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต จำเป็นที่จะต้องมีสูตรเหมือนตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากถ้าไม่มีการลงรายละเอียด จะถูกตีว่าเป็นสินค้าและต้องเสีย VAT ต่างจากหุ้นที่ไม่โดน VAT ดังนั้นกฎหมายจึงต้องมีการดำเนินการโดยลงรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อให้องคาพยพเดินต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งตนเองพยายามจัดตั้งศูนย์ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย โดยจับมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) เพื่อทำให้เหมือนตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ซื้อ และผู้ขายได้มาเจอกัน

นายสมโภชน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศสิงคโปร์ ประกาศตัวว่าจะเป็นศูนย์ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตของภูมิภาค ขณะที่ประเทศไทย เป็นประเทศแรกของโลกที่ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศได้ และเรามีศักยภาพที่จะทำคาร์บอนเครดิตมากกว่าเป้าหมายที่เรามี

“ผมคิดว่าถ้าเราร่วมมือกัน การที่เราจะเป็นศูนย์ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตของภูมิภาค เราน่าจะทำได้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเกิดจากเงื่อนไขของเวลาว่าเราจะทำอย่างไร อาจจะต้องมีการลงรายละเอียดกันระหว่างฝั่งเอกชน และรัฐบาลที่ชัดเจน เพื่อที่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น” นายสมโภชน์ กล่าว

นายสมโภชน์ ยังกล่าวถึงการเดินหน้าพูดคุยกับภาครัฐในการขับเคลื่อนการจัดทำศูนย์ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตว่า ตนพยายามผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ในฐานะที่ตนเองเป็นรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่อง Climate Change และคาร์บอนเครดิต ก็คือผู้ส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสภาอุตฯ เวลาส่งออกตามประเทศเพื่อนบ้าน หากไม่ทำอะไรก็จะโดนภาษีนำเข้าคาร์บอน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) กล่าวให้เข้าใจง่ายคือ เป็นภาษีที่เก็บกับประเทศที่ไม่ยอมอนุรักษ์โลก ฉะนั้นทำไมเราถึงไม่ทำเอง เก็บเอง ใช้เอง พัฒนาให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น พอถึงปลายทางจะได้ไม่โดนเก็บ หากเราไม่ทำอะไรเลยประเทศไทยจะเสียเปรียบ

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ตามที่กล่าวไป รัฐบาลก็เล็งเห็นถึงความสำคัญ ทำให้กฎหมายกำลังทยอยตามออกมา รวมถึงกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือกรมโลกร้อน ที่เกิดขึ้นมา เชื่อว่าจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ โดยเฉพาะการลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้อุตสาหกรรมหลักอย่างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์ชัดเจน หากทำเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ จะเป็นวาระแห่งชาติที่ได้เงินสนับสนุนจากต่างประเทศด้วย

นายสมโภชน์ เปิดเผยด้วยว่า ศูนย์ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งตั้งภายใต้สถาบันที่สภาอุตสาหกรรม แต่ด้วยกฎต่าง ๆ เช่น การเก็บภาษี กำไรจากการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการลงทะเบียนต่าง ๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอยู่ หากทำให้เป็นรูปธรรมกว่านี้ จะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น แต่ด้วยปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ตลาดไม่มีการซื้อขายที่มากมาย

นอกจากนี้ กระบวนการลดการปล่อยการเรือนกระจกในประเทศ ยังเป็นการลดภาคสมัครใจ ยังไม่ถึงขั้นภาคบังคับ ฉะนั้นผู้ที่ซื้อ จึงเป็นการซื้อเพื่อการทำ CSR และประชาสัมพันธ์ ขณะที่สหพันธ์ยุโรปจะเก็บภาษีนำเข้าผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีก 2 ปีจะเกิดการบังคับใช้ 100% หากเราไม่ทำอะไรเลยภายใน 2 ปี จะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเริ่มสร้างตลาดซื้อ-ขายที่เป็นรูปธรรม ต้องไปลดการซ้ำซ้อนทางภาครัฐ การเก็บภาษีซ้ำซ้อน ที่ควรจะต้องยกเว้นเพื่อให้ตลาดนี้เกิดขึ้น และถ้าเกิดทำให้เรากลายเป็นศูนย์กลางของตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตได้ จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทยได้ กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการลงทุน

ทั้งนี้ EA เข้าไปอยู่ในหัวใจสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างภาคการขนส่ง ซึ่งไม่ได้เข้าไปทำอยู่แค่รถเมล์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถหัวลาก รถสิบล้อ เรือไฟฟ้า และขณะนี้กำลังเข้าไปทำรถไฟที่ใช้แบตเตอรี่ เป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดต้นทุนการขนส่งของประเทศ และยังเข้าไปทำไบโอเจ็ต หรือพลังงานเครื่องบินที่ทำจากพืชอีกด้วย

“เราคิดว่าธุรกิจที่เป็นคลีนเหล่านี้ กำลังจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยประเทศเราเป็นประเทศที่ส่งออก เป็นประเทศที่ต้องการทำการท่องเที่ยว เชื่อว่าธุรกิจเหล่านี้จะบูมขึ้น และมีคนเข้ามาเล่นเรื่องเหล่านี้มากขึ้น หวังว่าประเทศไทยสุดท้ายจะเป็นผู้นำในด้านนี้ ทำให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้มีการลงทุนในไทยมากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จะมีความภูมิใจส่วนหนึ่งที่ทำให้กระตุ้นให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น” นายสมโภชน์ กล่าว

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

Related Posts

Send this to a friend