BUSINESS

เมื่อราชการล่าช้า เปลี่ยนแปลงกติกาโดยไม่ถามความเห็น ทำเอกชนเสียหาย

จาก BTS ถึง โรงไฟฟ้าขยะ … เมื่อราชการล่าช้า เปลี่ยนแปลงกติกาโดยไม่ถามความเห็น ทำเอกชนเสียหาย

คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง กรณีบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นจำเลยที่ 1 และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 2 กรณีมีการแก้ไขหัวข้อการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคและการเงิน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกเอกชน โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำนิจฉัยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ว่ากรณีดังกล่าว เป็นคำสั่งทางปกครองทั่วไปที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการกระทำละเมิดต่อภาคเอกชน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

เอกชน ผู้ประกอบการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ติดตามความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน พบว่าล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โยนเรื่องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ศึกษาและกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง และนำเรื่องเข้าคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) อนุมัติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกนับเดือน อย่างช้าไม่เกินไตรมาส 2 ของปี 2565

เอกชนมองว่า โครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อแปลงเป็นพลังงานจำนวนทั้งสิ้น 23โครงการนั้น ล้วนดำเนินการผ่านคณะกรรมการกลางจัดการสิ่งปฎิกูลและมูลฝอยซึ่งมีผู้แทนระดับผู้บริหารจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมทั้งผู้แทนจากกระทรวงพลังงานและได้ผ่านการประมูลคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการภายใต้ พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองแล้ว โดยได้ใช้ข้อมูลรายละเอียดและหลักเกณท์ที่เกี่ยวกับอัตรารับซื้อตามมติ กพช. เมื่อปี 2560 ในการยื่นข้อเสนอโครงการทั้งสิ้น

ดังนั้นโดยหลักเกณท์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จึงย่อมถือได้ว่าหลักเกณท์ที่บังคับใช้ในขณะการประมูลโครงการย่อมเป็นข้อผูกพันของรัฐ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงต้องรับฟังความคิดเห็นและได้รับความยินยอมจากทั้งจากกระทรวงมหาดไทยและเอกชนผู้ชนะการประมูล อันเป็นผู้มีส่วนได้เสียก่อน และเป็นไปตามหลักการในกระบวนการยุติธรรม ดังแนวคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในคดีรถไฟฟ้าบีทีเอส

การเปลี่ยนแปลงนโยบายรับซื้อไฟฟ้า หากทำให้อัตรารับซื้อโครงการไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยลดต่ำกว่าอัตราที่ประกาศกำหนด ตามมติ กพช. ปี 2560 ย่อมทำให้รายได้อันพึงได้ของเอกชนลดต่ำลง จนส่งผลกระทบถึงการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ การดำเนินการล่าช้าเนื่องจากการกลับไปกลับมาของนโยบายของกระทรวงพลังงาน ยังสร้างภาระต่อต้นทุนในการดำเนินโครงการโรงฟ้าสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงกระทบต่อแผนงานการจัดการขยะมูลฝอยและการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับขยะในองค์รวมของประเทศ ให้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้นและส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

ภาคเอกชนจึงเตรียมศึกษาข้อกฎหมายว่าการปฎิบัติราชการโดยล่าช้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงหลักเกณท์กติกาเกี่ยวกับอัตรารับซื้อไฟฟ้า ที่ได้มีประกาศเป็นการทั่วไป จนมีเอกชนได้รับการคัดเลือกและมีการลงนามในสัญญากับกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยไม่รับฟังความเห็นของภาคเอกชนและกระทรวงมหาดไทย จนสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง จะเข้าข่ายเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำละเมิดต่อเอกชนหรือไม่

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat