ราคาสินค้าเตรียมขยับ หลังสหพันธ์การขนส่งฯ ประกาศปรับค่าขนส่ง 20%

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ฯ จำนวน 400,000 คัน จะปรับขึ้นค่าขนส่งจากเดิมอีก 20% พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะลิตรละ 30 บาท ในเขตกทม. ขณะที่ในจังหวัดอื่นโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล ราคาขยับไปที่ลิตรละ 32 บาทแล้ว

นายอภิชาติ เพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการรถขนส่งส่วนใหญ่ที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ฯ ที่จะปรับขึ้นค่าขนส่ง ส่วนใหญ่ให้บริการสินค้าจำเป็นเกือบทุกชนิด เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค พืชไร่ รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง สมาชิกสหพันธ์ฯ จะไม่หยุดวิ่ง แต่จะปรับขึ้นค่าขนส่งแทน และหากในอนาคต ราคาน้ำมันปรับขึ้นอีก ก็จำเป็นต้องปรับขึ้นตามกลไกลตลาดเพื่อความอยู่รอด

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า การปรับขึ้นค่าขนส่ง จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมในระบบเศรษฐกิจ เพราะราคาสินค้าจะปรับขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก็จะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างเช่นกัน เพราะราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่แพงขึ้น เกี่ยวเนื่องกันเป็นห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน สุดท้าย ภาระค่าใช้จ่ายก็จะไปตกอยู่ที่ผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้พูดมาตลอดถึงแนวทางแก้ปัญหาว่า ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนกลับมามีรายได้ ทำให้มีกำลังซื้อ การเปิดประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น

ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า หากมีการปรับเพิ่มราคาค่าขนส่ง กระทบราคาอาหารอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันแม้ราคาสินค้าเกษตรที่ซื้อจากหน้าฟาร์มถูกมาก แต่เมื่อบวกค่าขนส่งเข้าไป ราคาก็แพงขึ้น หากมีการเพิ่มราคาค่าขนส่ง เชื่อว่าสตรีตฟู้ด ร้านริมทาง จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ปรับเพิ่มราคาขึ้นมาอย่างน้อย 5-10 บาท หรืออาหารจานเดียวอาจเพิ่มเป็น 40-60 บาท จากเดิม 30-50 บาท ส่วนร้านขนาดใหญ่ๆ อาจยังไม่ปรับเพิ่มแต่จะใช้วิธีลดปริมาณสินค้าลงอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน